ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งนี้ ทีมชาติจากทวีปเอเชียผ่านรอบคัดเลือกเข้ามา 5 ชาติ และ อีก 1 เจ้าภาพอย่างกาตาร์
เจ้าภาพ ตกรอบในฐานะบ๊วย และ สร้างสถิติเป็นเจ้าบ้านที่ทำผลงานได้แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
ซาอุดิอาระเบีย ชนะ อาร์เจนตินา แบบพลิกโลก แต่พลาดท่าตกรอบแบบน่าเสียดาย
อิหร่าน ชนะเวลส์, แพ้สหรัฐอเมริกา และ แพ้อังกฤษ ตกรอบไปแบบสมศักดิ์ศรี
ออสเตรเลีย อาจถูกรังเกียจในฐานะไม่ใช่เอเชียแท้ๆ แต่ก็ต้องนับ พวกเขาเข้ารอบน็อคเอาท์ด้วยการแพ้ฝรั่งเศส แต่ชนะได้ทั้ง ตูนีเซีย และ เดนมาร์ก
เกาหลีใต้ ยันเสมออุรุกวัย, แพ้กานา แต่มาพลิกชะตาในเกมสุดท้ายด้วยชัยชนะเหนือโปรตุเกส จนผ่านเข้ารอบได้แบบเกือบไม่รอด
ญี่ปุ่น ชนะเยอรมันแบบสะใจ, แพ้พลิกล็อกต่อ คอสตาริกา แล้วมาแซงชนะ สเปน เข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม
นับตั้งแต่ปี 1938 ที่ทีมชาติอินโดนีเซียไปร่วมเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในฐานะเมืองขึ้นของฮอลแลนด์ จนไปแข่งภายใต้ชื่อ Dutch East Indies
เราต้องรอจนปี 1966 ที่ทีมชาติเกาหลีเหนือได้เป็นชาติแรกของเอเชียที่ผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ได้สำเร็จ แล้วก็เป็น ซาอุดีอาระเบีย ที่ทำได้ในอีก 28 ปีต่อมาที่สหรัฐอเมริกา
แต่มีเพียง 2 ครั้งเท่านั้น ที่ทีมจากเอเชียผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ได้ 2 ชาติพร้อมๆ กัน คือปี 2002 ที่เจ้าภาพร่วมเข้ารอบได้ และ ปี 2010 ที่เจ้าเดิมอย่างเกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น ทำได้อีกครั้ง
การผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในครั้งนี้ของ 3 ชาติอย่าง จิงโจ้, โสมขาว, ซามูไร จึงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลจากเอเชียที่ทำได้
แม้ว่าจะมองดูด้วยสายตาชื่นชมระคนอิจฉา แต่ทั้ง 3 ประเทศตัวแทนของเราคือความภาคภูมิใจในฐานะเพื่อนร่วมโซน
จนสมควรต้องปรบมือให้ 2 ทีมแบบดังๆ และ ปรบพอเป็นพิธีให้อีกหนึ่งทีม
#มิสมาต้า
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารและบทความดีๆจากพวกเราอย่าลืมกดติดตาม TOJO NEWS