News
เปิดวิสัยทัศน์ ‘สมโภชน์ อาหุนัย’ CEO Energy Absolute ผู้ท้าชิงประธาน ส.อ.ท.

Published
1 ปี agoon

คุณสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) และ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษในช่อง The Reporters TV เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยได้พูดถึงความตั้งใจในการลงชิงประธานอุตสาหกรรมคนที่ 17 ที่จะมีการเลือกตั้ง ในวันที่ 25 มีนาคม นี้ว่า ตัวเองเกิดจากครอบครัวคนชนชั้นกลาง ได้เห็นปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้น ได้ฝ่าฟันจนมาประสบความสำเร็จในทุกวันนี้ และเชื่อว่าเพื่อน ๆ ในสภาอุตสาหกรรมนั้นเป็นผู้ประกอบการที่มีความรู้ความสามารถกันทุกคน และอยู่ใน 46 อุตสาหกรรมหลัก ถ้าให้พูดกันจริง ๆ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่รวมคนที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และ Think Tank (คลังสมอง) เป็นผู้ประกอบการทั้งหมด เพราะเขาเห็นปัญหาที่ผมเห็น และเห็นว่าอุตสาหกรรมแต่ละอันที่ตนเองอยู่นั้นต้องแก้ปัญหาอย่างไร

แต่วันนี้ที่เรายังไม่สามารถทำให้สภาอุตสาหกรรมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้เพราะยังไม่มียุทธศาสตร์ที่ชัดเจน แต่ถ้าหากมียุทธศาสตร์ที่ชัดเจนแล้วนำไปคล้องกับยุทธศาสตร์ของประเทศที่รัฐบาลได้ทำเอาไว้เป็นเรื่องเดียวกัน จะทำให้รัฐบาลขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยมีคณะบุคลากร และสมาชิกที่เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถของสภาอุตสาหกรรมมาช่วยกัน จะเป็นการเดินแบบมียุทธศาสตร์ และมีไทม์ไลน์ที่ชัดเจน ซึ่งเรื่องนี้ประเทศไทยจำเป็นต้องทำ คุณสมโภชน์จึงคิดว่าการที่ตนเองได้มีโอกาสมาเสนอตัวเองเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) นั้นอยากเป็นคนที่มาร้อยเรื่องราวเหล่านี้ เพราะจริง ๆ นักสภาอุตสาหกรรมทุกคนเป็นคนเก่งอยู่แล้ว
อยากเห็นสังคมอุตสาหกรรมเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย แต่การที่จะเป็นแบบนี้ได้นั้นสภาอุตสาหกรรมต้องเกิดการรวมตัวเป็นหนึ่ง การเริ่มต้นคุณสมโภชน์เชื่อว่าทุกนโยบายไม่ได้เกิดได้แค่คิด แต่ต้องทำให้คนที่อยากทำ คนที่มีความรู้ความสามารถทำไปพร้อมกันด้วย และสิ่งเหล่านี้ต้องเกิดขึ้นภายในระยะเวลาอันสั้น เพราะโลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก

ส่วนที่จะมาเติมเต็มให้อุตสาหกรรมแข็งแรง
คุณสมโภชน์ชี้ให้เห็นว่าสภาอุตสาหกรรมเป็นที่ Bottom Up ที่ดี เพราะ เป็นผู้ประกอบการจริง มีประสบการณ์จริง มีความสามารถจริง ซึ่งถ้ามีคนเหล่านี้มาให้ข้อมูลก็จะได้ข้อมูลที่ถูกต้อง สำหรับ Bottom Down เราจำเป็นที่ต้องให้รัฐบาลเข้าใจปัญหา และรู้ว่าแนวทางแบบไหนเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประเทศ แล้วมีวิธีการทำอย่างไร ถ้าทั้งสองร่วมมือกันจะทำให้แก้ปัญหาได้เร็วขึ้นและตรงประเด็น ซึ่งหน้าที่ของประธานสภาอุตสาหกรรมไม่เพียงแต่รวบรวมข้อมูลจากทุกคน แต่ต้องมีการมานั่งคุยกันเพื่อให้ทุกอุตสาหกรรมสามารถเดินไปต่อได้
ศักยภาพอุตสาหกรรมไทยเปรียบเทียบระดับโลก
คุณสมโภชน์มองว่าภาคอุตสาหกรรมไทยของเราอยู่ในจุดที่ค่อนข้างเหนื่อยเพราะเราโตมาจากประเทศที่ได้การส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาเยอะในช่วงที่ญี่ปุ่นย้ายฐานการผลิตมาเมื่อช่วง 30 ปีที่แล้วแต่ช่วงนี้ที่เป็น Mega Project แทบจะไม่เข้ามาในประเทศไทยเมื่อเทียบกับประเทศขนาดเล็กอย่างกัมพูชา อุตสาหกรรมใหญ่ ๆ ที่เข้ามาจะเป็นอุตสาหกรรมที่เรารับจ้างประกอบแต่ในช่วง 20 ปีนี้ประเทศไทยเองก็ได้มีการพัฒนาเรื่องโครงสร้างพื้นฐานถ้าเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านที่เราล้ำหน้ากว่า บ้านเรามีบุคลากรที่ได้เข้าไปอยู่ในอุตสาหกรรมใหญ่ ๆ และมึความรู้ความสามารถเยอะ แต่ก็มีความท้าทายที่ว่าอุตสาหกรรมที่เราอยู่นั้นจำเป็นต้องใช้แรงงานเป็นจำนวนมาก และประชากรในประเทศเราเองก็มีจำนวนที่ลดน้อยลงจึงต้องมีการนำแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามา ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ถึงจุดอิ่มตัวแล้วต้องมีการอัพเกรดอย่างรุนแรง เพื่อที่จำต้องทำให้เกิดสินค้าโดยคนไทยมากขึ้น ตัวอย่างรถหนึ่งคันที่ราคาหลักล้าน แต่ค่าจ้างสำหรับการประกอบรถนั้นอยู่ที่แค่หลักพัน เราจำเป็นต้องใช้อุตสาหกรรมที่เป็นอัตโนมัติเข้ามาช่วยทำงานเพื่อทดแทนแรงงาน สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องทำอย่างรวดเร็ว และมองว่าไม่เกิน 5 ปี จะมีการไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น ถ้าเราไม่เริ่มทำตอนนี้ถึงเวลานั้นเราจะล้าสมัยไม่ทันประเทศอื่น

ช่วงเวลาที่ท้าทายสำหรับภาคอุตสาหกรรมไทย
“ผมมองว่าวันนี้เราโตมาด้วยบุญเก่า ซึ่งตอนนี้บุญเก่าเรากำลังหมด” คุณสมโภชน์กล่าว พร้อมบอกว่า ตอนนี้เราต้องมานั่งคิดกันว่าหลังจากที่บุญเก่าเราทำมาถึงทุกวันนี้เรามีอะไรเหลืออยู่ในมือบ้าง ต้องเอาของที่เรามีมาใช้ประโยชน์ให้สูงที่สุดเพื่อทำให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่บนพื้นฐานอุตสาหกรรมเก่า โดยคุณสมโภชน์ได้ยกตัวอย่างที่ตนเองพยายามต่อยอดอุตสาหกรรมรถยนต์ ที่ถามว่าทุกวันนี้รุ่งไหมก็ยังรุ่งอยู่ แต่เริ่มมีคู่แข่งเข้าเพราะโรงงานประกอบรถยนต์ได้ไปตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน แต่อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยังไม่โดนย้าย หากอุตสาหกรรมหลักของประเทศโดนย้ายฐานไปบางส่วนแรงงานพวกนี้จะเริ่มตาย จึงได้ใช้ช่วงนี้ที่สามารถเข้าถึงชิ้นส่วนยานยนต์ได้ทำให้เกิดธุรกิจใหม่ขึ้นมาในประเทศ แต่อีกด้านหนึ่งเราก็ช่วยอุตสาหกรรมไทยที่เป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กที่ไม่มีศักยภาพที่จะย้ายตามบริษัทใหญ่ไปประเทศอื่นให้สามารถอยู่รอดได้ สิ่งเหล่านี้กำลังจะเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมอื่น ๆ เหมือนกัน ไม่ใช่แค่อุตสาหกรรมยานยนต์ หากให้เปรียบเทียบขอเปรียบกับมะเร็งที่ตอนนี้อยู่ในระยะที่ 1 อาจจะยังไม่วิกฤตถึงเสียชีวิต แต่ถ้าไม่ทำอะไรในเวลาที่เหลืออยู่ไม่กี่ปีการแก้ปัญหาก็จะยากขึ้น ฉะนั้นจึงมีความจำเป็นที่ทุกภาคส่วนจากทุกอุตสาหกรรมต้องหันหน้ามาร่วมกันช่วยแก้ปัญหา

ช่วงเวลา 5 ปีสำหรับการเปลี่ยนแปลง
คุณสมโภชน์เห็นด้วยว่าประเทศไทยต้องมี SMEs เยอะ ๆ และสนับสนุนให้มี Mega them เกิดขึ้นในประเทศ สังเกตได้จากประเทศที่พัฒนาแล้ว เขาพัฒนามาถึงจุดจุดหนึ่ง รัฐบาลหรือบริษัทขนาดใหญ่ก็จะมีแนวคิดที่เข้ามาร่วมทุนด้วย อย่างประเทศมาเลเซียที่ไม่ค่อยมีการลงทุน แต่ถ้าเข้ามาลงทุนทีจะมีขนาดใหญ่ เพราะรัฐบาลของเขามีนโยบายที่ชัดเจนในเรื่องนั้น ๆ และมีนโยบายสนับสนุนเรื่องนั้นอย่างชัดเจน ถ้าให้พูดง่าย ๆ สำหรับประเทศไทยที่เราพูดถึง Soft Power กันอยู่ว่าอยากสนับสนุนสินค้าไทย ก็มองว่าถ้าเราตั้งโจทย์ว่าทุกคนที่เข้ามาประเทศไทยประมาณ 30 ล้านคน ต้องถือผ้าขาวม้ากลับไป 1 ปี เราก็จะมีการขายผ้าขาวมาได้ 30 ล้านผืนทันที คนที่เป็น SMEs ก็จะกล้าคิดว่าจะลงทุนอย่างไรเมื่อเห็นตลาด 30 ล้านคนรออยู่ และ 3 แกนหลักของประเทศคือ หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรม และสมาคมธนาคาร ถ้านั่งปรึกษาหารือกันมีเป้าหมายที่ชัดเจนและรัฐบาลร่วมด้วยเชื่อว่าเราจะหลุดจากทุกปัญหาที่เรามีอยู่
เทรนด์ของ SDGs หากได้เป็นประธานสภาอุตสาหกรรม
คุณสมโภชน์มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะว่า SDG (Sustainable Development Goals) ก็ดี Climate Change ก็ดี รวมถึงสังคมคาร์บอนเครดิต ที่พูดถึงกันเยอะ ๆ เหล่านี้ คือหัวข้อใหญ่ของโลก และเขาใช้เรื่องพวกนี้เป็นตัวกีดกันการค้า ประเทศเราเองมีศักยภาพเพราะว่าเราเป็นประเทศแรกของโลกที่สามารถขายคาร์บอนเครดิตข้ามประเทศได้ ตอนนี้ทุกประเทศสนใจประเทศไทยอยู่ เพียงแต่เราไม่มีสินค้าที่ชัดเจนว่าจะขายอะไร ถ้าเราช่วงชิงสิ่งที่เขามองอยู่ แล้วผลิตสินค้ามองว่าการลงทุนจะเข้ามาประเทศไทย แล้วที่สำคัญคือมีเงินก้อนมหาศาลรอเราอยู่ ตอนนี้เงินก้อนนั้นมาเพื่อให้ประเทศที่กำลังพัฒนาเปลี่ยนแปลง เพียงแต่เราจะมีข้อเสนอเงื่อนไขอะไรเพื่อจะให้เขาให้เงินสนับสนุน หากเงินก้อนนี้ไหลเข้าประเทศก็จะทำให้เศรษฐกิจเราเติบโตขึ้น

ฝากทิ้งท้ายจากคุณสมโภชน์
คุณสมโภชน์กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “อย่างที่ผมบอกนะครับ ผมมีความตั้งใจที่อยากจะทำให้อุตสาหกรรมไทย เศรษฐกิจไทยดีขึ้น แล้วอยากให้สภาอุตสาหกรรมของเราเป็นที่พึ่งของทุกคน อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงของสภาอุตสาหกรรมในทางที่สร้างสรรค์ เรามีคนที่เก่งเป็นอัศวินเยอะมาก แต่ไม่ได้ใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่ การเลือกตั้งครั้งนี้ก็เป็นการเลือกตั้งครึ่งหนึ่งที่จะส่งสัญญาณอย่างชัดเจน ว่าพวกเราอยากให้สภาอุตสาหกรรมของเราเป็นอย่างไร อยากให้ประเทศเป็นยังไง ก็อยากเชิญชวนทุกคนช่วยกันมาเลือกตั้ง เลือกทิศทางของสมาชิกของสภาอุตสาหกรรมของเรา ให้เป็นในทิศทางที่ทุกคนอยากให้เป็น”
อย่าลืมกดติดตาม Tojo News เพื่อพบกับข่าวสาร และบทความใหม่ ๆ จากเรา
Line Today TOJO NEWS , ToJoNews
#สมโภชน์อาหุนัย #สมโภชน์ #EnergyAbsolute #สภาอุตสาหกรรม #เลือกตั้งสภาอุตสาหกรรม #TOJONEWs #โตโจนิวส์ #สำนักข่าวโตโจนิวส์



เป็นนายกฯสนองตัณหาพ่อ! ธันวา แนะ อุ๊งอิ๊ง ปรับโผครม.ใหม่ เพราะดูแล้วแทบไม่มีความสามารถx่าอะไรเลย

คลิปคุยฮุน เซน สะท้อนความอ่อนข้อ เตือน! อย่าดูแคลนกระแสต้านจากประชาชน
