ขอขอบคุณภาพจาก นิทรรศการ “คิดถึง…สมเด็จย่า” ด้วยสองพระหัตถ์ที่สร้างอาชีพให้ปวงชนชาวไทย (mgronline.com)
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
(นามเดิม : สังวาลย์ ตะละภัฏ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๔๓ – ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๘)
เป็นหม่อมในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
เป็นสมเด็จพระบรมราชชนนี ในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร
และพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวง รัชกาลที่ ๙
และเป็นพระอัยยิกาในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในรัชกาลปัจจุบัน
พระองค์มีพระนามที่นิยมเรียกกันว่า สมเด็จย่า ทั้งนี้เพราะพระองค์ได้ประกอบพระราชกรณียกิจ
เพื่อราษฎรชาวไทยภูเขา ที่อาศัยในถิ่นทุรกันดาร เปรียบเสมือนพระองค์เสด็จมาจากฟากฟ้า
ช่วยพวกเขาให้มีวิถีชีวิตที่ดีขึ้น ชาวไทยภูเขา จึงถวายพระสมัญญานามว่า “แม่ฟ้าหลวง”
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มีพระอาการทางพระหทัยกำเริบและทรงเหนื่อยอ่อน
คณะแพทย์ถวายการรักษาเบื้องต้นที่วังสระปทุม จนกระทั่งวันที่ ๒ มิถุนายน พ.ศ. พ.ศ. ๒๕๓๘
จึงเชิญเสด็จพระราชดำเนินเข้าประทับรักษาพระองค์ ณ ตึก ๘๔ ปี โรงพยาบาลศิริราช
ระหว่างการประทับรักษาที่โรงพยาบาล คณะแพทย์พบว่าเกิดการติดเชื้อในกระแสพระโลหิต
จึงได้ถวายพระโอสถปฏิชีวนะเพิ่ม ต่อมา มีพระอาการแทรกซ้อน มีการอักเสบที่พระอันตะ
พระอันตคุณ (ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก) และที่พระปับผาสะ (ปอด) ข้างขวา
คณะแพทย์ได้พยายามถวายการรักษาจนพระอาการทั่วไปดีขึ้นบ้าง
เมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๘ สมเด็จพระบรมราชชนนีมีพระอาการทรุดลง เนื่องด้วย
มีพระอาการแทรกซ้อนทางพระยกนะ (ตับ) และพระวักกะ (ไต) ไม่ทำงาน พระหทัย (หัวใจ)
ทำงานไม่ปกติ ความดันพระโลหิตต่ำทำให้เกิดภาวะเป็นกรดในพระโลหิต
คณะแพทย์ได้ถวายการรักษาความผิดปกติของระบบต่าง ๆ รวมทั้งการฟอกพระโลหิต
ด้วยเครื่องไตเทียมและกรองสารพิษซึ่งเกิดจากภาวะผิดปกติของพระยกนะ
แต่พระอาการตั้งแต่เช้าจนเที่ยงของวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๘ คงอยู่ในภาวะวิกฤต
จนกระทั่ง เวลา ๒๑:๑๗น. สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี
ก็เสด็จสวรรคต รวมพระชนมายุ ๙๔ พรรษา
สำนักนายกรัฐมนตรีประกาศให้สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ และสถานศึกษาทุกแห่ง
ลดธงครึ่งเสา ๓ วัน และให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจไว้ทุกข์เป็นเวลา ๑๕ วัน
ตั้งแต่วันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๘
ต่อมา ในวันที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๘ บรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีมีบัญชาให้
ขยายเวลาลดธงครึ่งเสาต่อไปจนครบ ๕๐ วัน เพื่อให้สอดคล้องกับการแต่งกายไว้ทุกข์ถวาย
โดยให้ลดธงครึ่งเสาต่อไปจนถึงวันที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๘
พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพจัดขึ้นเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๙
ณ พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง พระราชสรีรางคารถูกเชิญไปบรรจุ ณ รังษีวัฒนา
สุสานหลวง วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร
เมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๓ (วันคล้ายวันพระราชสมภพครบรอบ ๑๐๑ ปี)
องค์การวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก UNESCO
ได้เฉลิมพระเกียรติยกย่องให้สมเด็จย่าเป็น “บุคคลสำคัญของโลก”
ข้อมูลและภาพจาก
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี – วิกิพีเดีย (wikipedia.org)
You must be logged in to post a comment Login