Connect with us

News

‘ไทยสร้างไทย’ ซักละเอียดยิบ! ยก 12 คำถาม จี้ กกพ. ทำไมปล่อยค่าไฟแพงทำให้ประชาชนเดือดร้อน

Published

on

นายชัชวาลย์ แพทยาไทย สส. ร้อยเอ็ด เขต 7 พรรคไทยสร้างไทย อภิปรายวาระรับทราบรายงานประจำปี งบประมาณ 2564 ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ว่า หน่วยงานนี้ มีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนในการใช้ไฟฟ้า แต่ถ้ามองในสภาพความเป็นจริง กลับได้ยินคำถามจากพี่น้องประชาชนว่า “ราคาข้าวราคาวัวมันคือถูกแท้ ราคาไฟ ราคาปุ๋ย ค่าน้ำมัน คือขึ้นเอาๆ ปานบั้งไฟแท้”

โดยนายชัชวาลย์ ตั้งคำถามต่อคณะกรรมการกิจการพลังงานที่ควบคุมดูแลกำกับกิจการค่าไฟฟ้าใน 4 ประเด็น ได้แก่

  • 1. การจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP) พ.ศ.2561–2580 รวม 20 ปี มีกระบวนการและขั้นตอนอย่างไร มีองค์กรหน่วยงาน หรือใครเป็นผู้เกี่ยวข้องในแต่ละขั้นตอน และแผนนี้จะทำให้ค่าไฟลดลงได้หรือไม่อย่างไร
  • 2. แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยมีการคาดการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าไว้สูงมาก และเพิ่มเป้าหมายสัดส่วนกำลังผลิตส่วนเกินไว้สูงมาก และเพิ่มขึ้นทุกปี เป็นการเอื้ต่อกลุ่มทุนหรือไม่? เพื่อที่จะให้รัฐได้ทำสัญญาซื้อขายกับเอกชนมากเกินจำเป็นโดนอ้างแผนนี้หรือไม่?
  • 3. มีการทบทวนแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยบ้างหรือไม่ มีวาระการทบทวนทุกปี หรือไม่ และได้ทบทวนแผน PDP ทันตามกำหนดเวลาหรือไม่ หากทันตามกำหนดเวลาจะทำให้ค่าไฟ มีราคาถูกลงได้หรือไม่? ตนเห็นว่าควรมีการทบทวนทุกปีเพื่อลดค่าไฟฟ้าของคนไทย
  • 4. กำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยในปัจจุบันเกินความจำเป็นหรือไม่ หากพบว่ามีกำลังผลิตไฟฟ้าเกินความจำเป็น คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานจัดการเรื่องนี้อย่างไร? หากมีการจัดการแล้วทำไมประชาชนถึงยังต้องทนกับค่าไฟที่สูงตอนนี้อยู่?
  • 5. จากการที่อัตราการไฟฟ้าฝ่ายผลิตมีอัตราการผลิตน้อยกว่าเอกชน ทำให้การกำหนดราคาอยู่ในมือเอกชนตามกลไกการตลาด ทำไมไม่เพิ่มอัตราการผลิตไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตให้มากขึ้นเพื่อทำให้ค่าไฟถูกลง
  • 6. กกพ. มีวิธีการคิดคำนวณค่าไฟฟ้าและค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) อย่างไร วิธีคิดคำนวณ ถูกต้องสอดคล้องกับหลักวิชาการและหลักสากลหรือไม่ อย่างไร อ้างอิงจากอะไร หน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบในการคิดคำนวณ และต้องมีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนหรือไม่?
  • 7. ค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายให้แก่โรงไฟฟ้าเอกชนในกรณีที่ไม่ต้องเดินเครื่องผลิตไฟฟ้า ถูกนำมารวมเป็นค่าเอฟทีหรือไม่ อย่างไร ประชาชนต้องรับภาระที่ตัวเองไม่ได้ก่อหรือไม่?

ที่ผ่านมามีการประโคมข่าวเรื่องนี้อย่างมาก แต่ไม่ได้รับคำตอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าช่วงก่อนการเลือกตั้ง หลายพรรคการเมืองหยิบประเด็นค่าไฟฟ้าขึ้นมาหาเสียงบอกว่าจะลดค่าไฟ แก้ไขสัญญาให้เป็นธรรม หรือทลายกลุ่มทุนผูกขาด แต่หลายพรรคที่มีนโยบายดังกล่าวอยู่ในรัฐบาลที่กำลังจะจัดตั้ง ซึ่งมีพรรคการเมืองในรัฐบาลชุดก่อน ที่ล้มเหลวในการบริหารจัดค่าไฟฟ้ารวมอยู่ด้วย ตนจึงไม่มั่นใจว่าเรื่องค่าไฟแพงที่ประชาชนเดือดร้อนจะได้รับการแก้ไขหรือไม่

ด้านนางรำพูล ตันติวณิชชานนท์ สส.อุบลราชธานี เขต 9 พรรคไทยสร้างไทย อภิปรายว่า กกพ. ปรับค่าไฟฟ้าช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคมนี้ 98.27 สตางค์ต่อหน่วย โดยคิดค่าไฟฟ้าและค่าเอฟทีราคาเดียวกัน ทั้งผู้ใช้ไฟฟ้าในที่อยู่อาศัยและประเภทอื่นๆ ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นที่ 4.77 บาทต่อหน่วย แม้ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะมีมาตรการลดค่าไฟ 4 เดือนสุดท้ายของปี 2566 ลงเหลือ 4.25 บาท
ตามที่ประชาชนเรียกร้อง แต่ก็ต้องฝันสลายไป เพราะ กกพ. ระบุว่าไม่สามารถทำได้ เนี่องจากต้องใช้งบประมาณจำนวนมากจะต้องรอให้มีรัฐบาลใหม่เป็นผู้ตัดสินใจ

นางรำพูล ตั้งคำถามไปยัง กกพ. คือ

  • 1. ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา มีปริมาณการใช้ไฟฟ้ามากแค่ไหน และมีกำลังไฟฟ้าเท่าใด เกินความต้องการของประชาชนหรือไม่ อย่างไร
  • 2. ในแต่ละปีโรงไฟฟ้าแต่ละโรงผลิตปริมาณไฟฟ้าได้จำนวนเท่าใด และมีโรงไฟฟ้าที่ไม่ต้องเดินเครื่องผลิตไฟฟ้า แต่ได้รับค่าตอบแทนตามสัญญาหรือไม่
  • 3. ถ้าหากมี มีจำนวนกี่โรงและแต่ละโรงได้รับค่าตอบแทนเป็นจำนวนเท่าใดต่อปี รวมเป็นเงินที่ต้องจ่าย ค่าตอบแทนตามสัญญาทั้งหมดเท่าใด เพราะเหตุดังกล่าวนี้หรือไม่จึงทำให้เกิดปัญหาค่าไฟแพงขึ้นหรือไม่
  • 4. ปริมาณไฟฟ้าที่จัดซื้อมีปริมาณไฟฟ้าที่ส่งมอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยในแต่ละสัญญาจ้าง เงินค่าจ้าง และการชำระเงินค่าจ้างหรือแผนการใช้ไฟฟ้าหรือการสำรองการใช้ไฟฟ้าหรือจัดซื้อไฟฟ้าในอนาคต มีจำนวนเท่าใด
  • 5. มีวิธีและหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนให้แก่เอกชนที่ผลิตไฟฟ้าอย่างไร ใช้เงินจากงบส่วนใด ขอให้ กกพ.ชี้แจงข้อมูลย้อนหลัง อย่างน้อยๆ 10 ปีเมื่อจะเปรียบเทียบข้อมูลความแตกต่าง

นางรำพูลย้ำว่า คำถามเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนไทยต้องเสียค่าไฟแพง ขอให้ กกพ. ตอบคำถามเพื่อให้ประชาชนได้ทราบข้อมูลและร่วมกันหาจุดแก้ไขให้ทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรมและเท่าเทียม

ทั้งนี้ นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ชี้แจงว่า การไฟฟ้ามีการจัดการรวมศูนย์คือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตซื้อไฟฟ้าจากจากโรงใหญ่ๆ แล้วก็มารวมที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตเพื่อขายไปให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการไฟฟ้านครหลวงกระจายสู่ผู้ใช้ไฟ โดยจะทำตามแผน PDP และ กกพ. ต้องปฏิบัติตามแผนดังกล่าว โดยออกหลักเกณพ์การรับซื้อตามแผนว่าอัตราเท่าไร เวลาไหน ไฟฟ้าที่เข้ามาก็จะราคาไม่เท่ากันว่ามาจากโรงไฟฟ้าขยะ หรือโรงไฟฟ้าชุมชน ฯลฯ

ส่วนการคิดค่าไฟก็ต้องคิดไปตามโครงสร้างจากแผน PDP โดยแบ่งเป็นค่าไฟฐานที่จะปรับทุก 3-5 ปี และค่าเอฟที แต่เนื่องจากการเปลี่ยนผ่านสัมปทานทำให้การผลิตก๊าซธรรมชาติลดลง ทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าขึ้นไปสูงตั้งแต่ปลายปี 2564 แต่ทาง กกพ. ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไว้ก่อน จนหนี้สะสมเป็นแสนกว่าล้านบาทจึงต้องคืนต้นทุนที่เพิ่มขึ้นกลับมา ประกอบกับช่วงที่ก๊าซธรรมชาติลดลงไปกว่า 3 ปี กกพ. ทดแทนด้วย LNG ที่มีราคาแพงทำให้ต้นทุนสูง แต่ต้องทำเพื่อให้เกิดเสถียรภาพทางพลังงาน ดังนั้นจึงเรียกว่าราคาค่าไฟที่แพงขึ้นเกิดมาจากต้นทุนจริงๆ แต่สถานการณ์จะเริ่มดีขึ้นเนื่องจากก๊าซธรรมชาติจะเริ่มกลับมา

ส่วนเรื่องการผลิตไฟฟ้าสำรองไว้เกินกว่าการใช้งาน เนื่องจากประชาชนเริ่มหันมาติดโซลาเซลล์มากขึ้น และการใช้ไฟฟ้าในช่วงโควิดลดลง จึงทำให้กำลังการผลิตเกินไปบางส่วน แต่ก็กำลังพิจารณาจะปรับแผนให้เหมาะสมเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม การซื้อไฟฟ้าจากเอกชน รัฐบาลไทยซื้อเป็นสัญญาระยะยาวทำให้ได้ราคาเดียว ไม่เหมือนต่างประเทศที่ซื้อเฉพาะช่วง แม้จะไม่ต้องจ่ายในช่วงที่ไม่มีความต้องการไฟฟ้า แต่การซื้อเฉพาะช่วงจะต้องจ่ายราคาแพงกว่า

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: