Connect with us

Politics

“จตุพร” ระบุ “ยุทธการฟ้าใส” สำแดงเดช ได้ทุกอย่างตามต้องการ ส่ง “ทักษิณ”ไปนอนห้องแอร์เสีย รพ.ตำรวจ แล้วไปต่อ รพ.เอกชน ในขณะที่สังคมเริ่มมีคำถาม ขอตรวจสอบให้กระจ่าง

Published

on

ส่วน“เศรษฐา” ได้รับการโหวตเป็นนายกฯ เชื่อ!!! มาจากเสียงสมยอมของกลุ่ม รปห. 2557 ส่วน ปชช.ถูกหลอกต้มให้ต่อสู้ แต่ต้องเสียรู้”เพื่อไทยการละคร” มี คสช.ร่วมแสดงตบตาผ่องถ่ายอำนาจต่อเนื่องในปี 2566

เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2566 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ได้ออกรายการออนไลน์ทางเฟซบุ๊คในรายการ “ประเทศไทยต้องมาก่อน” ตอน “น่ายินดี?” โดยระบุว่า สว. ที่โหวตเลือกนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ ส่วนมาก มาจากกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการยึดอำนาจปี 2557 ดังนั้น ปฎิบัติการโหวต “เห็นชอบ” จึงเป็นใบเสร็จยืนยัน “การสมรู้ร่วมผ่องถ่ายอำนาจ” ให้กันและกันระหว่างพรรคเพื่อไทย ทักษิณ ชินวัตร และคณะรัฐประการ

โดยในรายการดังกล่าว นายจตุพร กล่าวว่า การโหวตนายเศรษฐา เป็นนายกฯ เมื่อ 22 ส.ค.66 ที่ผ่านมา เสียงโหวตได้แสดงภาพรวมให้เห็นว่า สว.ที่เป็น กลุ่มเดียวกับคณะ รปห. เมื่อ 2557 ล้วนโหวตให้นายเศรษฐาทั้งสิ้น รวมทั้งทหารเครือข่าย และน้องชายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาด้วย โดยมีเพียง พล.อ.ประยุทธ์ คนเดียวไม่ได้โหวต

ดังนั้น สิ่งที่เห็นในการโหวตนายกฯ เป็นยิ่งกว่า”ใบเสร็จ” การสมคบคิดกัน นับตั้งแต่การรู้เห็นเป็นใจต่อกันและกันอย่างสมบูรณ์ที่สุด มาตั้งแต่ช่วงยึดอำนาจปี 2557 แล้วมาคืนอำนาจกลับให้กันในปี 2566

“ผมไม่รู้สึกดีใจหรือเสียใจกับรัฐบาลนี้เลย และคนที่เข้ามาใหม่ก็ไม่มีความหวังใดทั้งสิ้นกับประเทศ เพราะประเทศนี้ ควรทำอะไรที่ถูกทำนองคลองธรรมกันเสียบ้าง และนี่ (การตั้งรัฐบาลครั้งนี้) ที่คนไทยเสียรู้อย่างเบ็ดเสร็จมากที่สุด”

นายจตุพร กล่าวอีกว่า หากย้อนไปพิจารณารายชื่อ สว.ที่โหวตให้นายเศรษฐาแล้ว ในจำนวน 152 คน ล้วนเป็นคณะ รปห.และเกี่ยวข้องกับการยึดอำนาจจากรัฐบาลเพื่อไทยเมื่อปี 2557 ดังนั้น ประชาชนไปต่อสู้ให้เหนื่อยยากกันทำไม เมื่ออำนาจเป็นสมบัติผลัดกันชมและแบ่งภารกิจต่อเนื่องกันมาเรื่อยๆ เช่นนี้

“ไม่ว่าพรรคการเมือง คณะ คสช. รัฐประหาร ต่างเล่นละครตบตาประชาชนกันทุกฝ่าย แล้วประชาชนต่อสู้ไปบาดเจ็บล้มตายกันหาอะไรกัน ถ้าประชาชนไม่รู้สึกว่า ถูกหลอก ถูกต้ม และไม่แสดงความรู้สึกใดๆ แล้วปล่อยให้บ้านเมืองอยู่ในสภาพอย่างนี้ เราคงหาความหวังใดๆ กันไม่ได้ อีกทั้ง เชื่อว่า เมื่อทุกอย่างมีการตรวจสอบเข้มข้น ก็จะปรากฎความจริงกันตามลำดับขึ้น”

นายจตุพร กล่าวว่า การเป็นนายกฯ ของนายเศรษฐา ตนไม่ได้อิจฉาอะไรเลย เพราะการตระบัดสัตย์ได้เป็นนายกฯ ไม่มีอะไรต้องอิจฉาทั้งสิ้น แต่ยิ่งทำให้ประชาชนสงสัย แล้วเรียกร้องให้ตรวจสอบเข้มข้นยิ่งขึ้น

ส่วนทักษิณ ถูกนำตัวไป รพ.ตำรวจ กลางดึกวันที่ 22 ส.ค.นั้น นายจตุพร กล่าวว่า เกิดความสงสัยว่า เรือนจำนำตัวออกนอกเรือนจำในเวลาใดกันแน่ เพราะบางข่าวรายงานเวลา 4 ทุ่ม และบางส่วนบอกเวลาตีหนึ่ง ซึ่งต้องตรวจสอบจากภาพถ่ายของเรือนจำกัน อีกอย่างอาการป่วยถึงขั้นต้องไป รพ.ตำรวจ หรือไม่ ถ้าเจ็บป่วยจริง กระบวนการรักษาจะว่าอย่างไร

นายจตุพร กล่าวว่า ตลอดช่วงทักษิณ เดินทางกลับมาไทยนั้น ได้มีการโพสต์ไปตรวจร่างกายเป็นระยะ ถ้าป่วยจริงถึง 4 โรคใหญ่ ไม่ว่าโรคหัวใจ ปอด ความดัน และหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท บรรดาญาติพี่น้อง หรือคนในครอบครัวต้องห้ามกลับ เพราะการเข้าอยู่ในเรือนจำสุ่มเสี่ยงต่อชีวิตอย่างยิ่ง

“หากยังจำที่เคยพูดถึง”ยุทธการฟ้าใส”กันได้แล้ว เหตุการณ์ของทักษิณ กลับไทยเข้าตามปฏิบัติการเลย เพราะตามยุทธการนี้ โดยจะแสดงถึงทุกอย่างดีไปหมด และให้ได้ทุกสิ่งอย่างตามต้องการ โดยสังเกตุจากถ้าเป็นนักโทษเด็ดขาด ต้องถูกคุมขังในเรือนจำแดนแรกรับตัว แต่นักโทษใหม่อย่างทักษิณ กลับได้เริ่มติดคุกที่อาคารพยาบาล แดน 7 ซึ่งปรับปรุงห้องใหม่ ให้กว้างขวางไว้รองรับ”

พร้อมทั้งกล่าวว่า ปฏิบัติการของยุทธการฟ้าใสได้สำแดงเดชอย่างสำคัญที่สุด ด้วยเริ่มจากติดคุก ไป รพ.ตรวจ แล้วจะไป รพ.เอกชน จากนั้นอ้างถึงความเชี่ยวชาญของหมอเฉพาะทางเพื่อไปนอน รพ.เอกชน แม้ก่อนหน้านี้มีนักโทษมีชื่อเสียงได้เคยใช้เส้นทางแบบนี้บ้าง แต่ไม่ได้มากมายอะไร ดังนั้น หากมีการตรวจสอบจะยิ่งเพิ่มความน่าสงสัยมากขึ้น

ที่นายจตุพร แสดงแปลกใจคือ ก่อนเดินทางกลับไทยของทักษิณ ไม่มีใครได้ยินถึงโรค 4 โรคดังกล่าวเลย หากเป็นโรคเช่นนี้น ต้องมีการห้ามปรามไม่ให้กลับมาติดคุก เพราะอันตราย แต่เมื่อกลับมาเข้าเรือนจำ กรมราชทัณฑ์แถลงข่าวถึง 4 โรคกลุ่มเปราะบางดังกล่าว จากนั้นนายวิษณุ เครืองาม อดีตเคยเป็นรองนายกฯ สมัยทักษิณ เป็นนายกฯ มาตรวจเรือนจำพิเศษ แต่อ้างว่า ไม่ได้เจอทักษิณ

อีกทั้ง กล่าวว่า เมื่อเช้าตรู่ มีข่าวส่งทักษิณไป รพ.ตำรวจ เพราะความดันขึ้น แน่นหน้าอก หายใจลำบาก นอนไม่หลับ อย่างไรก็ตาม การติดคุกวันแรกและเป็นครั้งแรก คงนอนหลับยากมาก พร้อมกับหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะด้วย โดยต่อให้ได้นอนห้องขังกว้าง นอนคนเดียวก็ตาม

นอกจากนี้ กล่าวว่า เมื่อไป รพ.ตำรวจ แล้ว อารมณ์ของสังคมพลุ่งพล่านขึ้น เรียกร้องให้ตรวจสอบอย่างเข้มข้น แล้วมีการแถลงจาก รพ.ตำรวจว่า แอร์เสีย หากเป็นจริงคงต้องซ่อมแอร์หรือย้ายไปห้องอื่นที่แอร์ดี ซึ่งคงไม่ถึงขั้นต้องย้ายไป รพ.เอกชนเลย

“ทำไมแอร์เสียอยู่ห้องเดียว ไม่สมเหตผลเลย และ รพ.ตำรวจ มีอยู่ห้องเดียวหรืออย่างไรกัน แล้วให้ไปอยู่ห้องแอร์เสียได้อย่างไง จึงเป็นสิ่งที่สังคมเริ่มเกิดความสงสัยกันขึ้น ดังนั้น จึงเข้าตามยุทธการฟ้าใสที่ให้ทุกสิ่งอย่างตามที่อยากได้”

นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าป่วยจริงคงไม่ว่ากัน ต้องได้รับการรักษาเป็นเรื่องปกติ แต่กระแสสังคมมาเร็วมาก โดยเทียบกับกรณีนายเปรมชัย กรรณสูต นักธุรกิจใหญ่ ติดคุกในเรือนจำทองผาภูมิ กาจญนบุรี กรณีเสือดำ จนถูกประณามมาก แต่เขาไปศาลทุกนัด เมื่อถูกตัดสินก็เดินเข้าคุก ซึ่งสังคมไม่สงสัยอะไรเลย ไม่ตามไปตรวจสอบด้วย แต่ทักษิณป่วย กลับถูกเรียกร้องแรงและเร็วมากให้เกิดการตรวจสอบอย่างเข้มข้นขึ้น

สิ่งสำคัญ ระบุว่า ในยุทธการฟ้าใสนั้น เป็นข้อตกลงที่อยากได้ ก็ได้ทั้งนั้น แล้วสังคมเริ่มตรวจสอบมากขึ้นเร็วด้วย เพื่อต้องการให้เกิดความจริงและนักโทษมีสิทธิเท่าเทียมกัน เมื่อป่วยจริงก็ต้องเห็นใจและให้ได้รับการปฏิบัติตามสิทธินักโทษอย่างเท่าเทียมกัน แต่จะถึงขั้นไป รพ.เอกชนหรือไม่

“ถ้าแอร์เสีย แล้วใช้พัดลม ก็ยังให้อยู่รักษาห้องเดิม ถือว่า รพ.ตำรวจ ใจร้ายมาก แล้วคนจะเชื่อหรือไม่ อาจไม่เชื่อก็ได้จึงต้องให้พิสูจน์ แต่ รพ.มาทำเป็นเขตห้วงห้ามอีก ยิ่งทำให้คนสงสัยไปกันใหญ่”

ขอบคุณข้อมูลจาก
รายการ”ประเทศไทยต้องมาก่อน”
ภาพประกอบจาก facebook @จตุพร พรหมพันธุ์

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: