ชูวิทย์ เปิด 7 ข้อ สูตรตั้งรัฐบาล หักหลังถ้วนหน้า ฉีก MOU-ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า
สูตรตั้งรัฐบาล “หักหลังถ้วนหน้า”
สูตรตั้งรัฐบาลเสมือนยาน้ำที่ต้อง “เขย่าก่อนกิน”
แต่ดันไม่อ่านฉลากข้างขวดยาให้ดีเสียก่อน
เพราะสูตรยานี้มีส่วนผสม “สารอันตราย“ เข้าไปด้วย
โดยคนปรุงคือเพื่อไทย ที่เดินสายสลายขั้วเจรจาผสมสูตรใต้ดินจนตกผลึกสัดส่วนได้ที่
นำเสนอทดลองยาให้ดู โดยมีส่วนผสม ดังนี้
เพื่อไทย ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา ประชาชาติ ชาติพัฒนากล้า เสรีรวมไทย และพรรคเล็ก
รวมแล้วได้ 264 เสียง
สูตร “รัฐบาลหักหลังถ้วนหน้า” นี้ กำลังถูกนำเสนอในวันที่ 2 และวันที่ 4 โหวตเศรษฐาเป็นนายกฯ
คนที่กินล้วนออกอาการ “หลังหัก” ทันที เพราะ
1.ต้องฉีก MOU เก่า บรรดาพรรคที่ขึ้นไปไขว้มือวันประกาศจับขั้วกลายเป็นถูกหักหลัง
2.เพื่อไทยแยกกับก้าวไกล แล้วไปอยู่กับภูมิใจไทยผูกติดกันกลายเป็น “ข้าวต้มมัด” คู่ใหม่
3.ให้ก้าวไกลเป็น “ฝ่ายค้าน” ล้านเปอร์เซ็นต์ สมเจตนารมณ์นายทุนใหญ่
ก้าวไกลถูกหักหลังหลายรอบ ตั้งแต่ประธานสภา นายกฯ จนถึงจัดรัฐบาล
4.สองพรรคลุง พลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ เป็น “ฝ่ายค้าน” ถูกหักหลังดังเป๊าะ
5.ก้าวไกลชนะเลือกตั้งอันดับ 1 แต่ต้องไปเป็นฝ่ายค้านพร้อมพรรคสองลุง ที่เกลียดนักหนา ขนาดบอกตอนหาเสียง “มีลุง ไม่มีเรา”
ตอนนี้เลยได้ไปอยู่ร่วมกันเป็นฝ่ายค้านเสียเลย
6.ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านแต่ก็ยัง “โชว์พระเอก” โหวตให้เพื่อไทย เพื่อไม่ให้เอาพรรคลุงไปร่วมรัฐบาลด้วย
อันนี้เป็นตัวยา “หักหลังสามต่อ”
ไม่เอาทั้งลุง ไม่เอาทั้งเรา โดนสามเด้ง พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ก้าวไกล ไปเป็นฝ่ายค้านด้วย 221 เสียง
กลายเป็นฝ่ายค้านที่อ่อนแอ เพราะเป็น 2 กลุ่มค้านกันเองที่ไปกันไม่ได้ แต่ต้องไปอยู่ด้วยกัน ถูกหักหลังกลางทาง
จึงไม่มีความแข็งแกร่งพอจะไปทำอะไรรัฐบาลในอนาคตได้
7.หักหลัง ส.ว. ปิดสวิตช์อัตโนมัติ เพราะเสียงเกินแล้ว
264 เสียง ได้ก้าวไกลช่วยอีก 151 เสียง รวมเป็น 415 เสียง ไม่ต้องง้อ ส.ว.
ที่หนักสุด คือ หักหลังประชาชนที่ลงคะแนน 26 ล้านเสียง ให้ฝั่งประชาธิปไตย
ดังนั้น ขืนมีใครกินเข้าไปก็เสี่ยงเต็มทน เพราะหลังหักหมด
ยาสูตรนี้กำลังโปรโมทโฆษณาอยู่ทั่วไป แต่มีฉลากติดไว้ข้างขวดว่า
“ยาอันตราย หากกินเข้าไปจะเกิดอาการเจ็บหลัง ลำไส้ปั่นป่วน และอาจทำให้คนเดินทางไกลไม่ได้กลับบ้านด้วย”
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS