จุรินทร์ ชี้ มีในครม.ตำแหน่งชักใบให้เรือเสีย ทำให้ ครม.ไม่สง่างาม การที่นายกฯ กล้าเปิดตัวคนนอกที่เป็นมืออาชีพ แต่สำหรับบางตำแหน่งกลับไม่กล้าเอาออกมาเปิดตัว และทำลับ ๆ ล่อ ๆ
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายในการประชุมร่วมรัฐสภา คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยเริ่มต้นแสดงความยินดีกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมระบุว่าเป็นนโยบาย “ควิกวิน” แรกที่สำเร็จตั้งแต่ยังไม่แถลงนโยบาย
นายจุรินทร์ ยืนยันว่า ตนและพรรคประชาธิปัตย์จะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แต่จะไม่ค้านทุกเรื่อง โดยจะพิจารณาไปตามเนื้อผ้า ไม่มีอคติ และพร้อมร่วมมือกับฝ่ายค้านอื่นในการตรวจสอบรัฐบาลแทนประชาชนโดยได้อภิปรายภาพรวมนโยบายรัฐบาลว่าเขียนไว้กว้างมากเหมือนมหาสมุทร
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ในเอกสารแถลงนโยบายที่ระบุว่า รัฐบาลมีข้อจำกัด 3 ข้อ คือ 1.มีเวลาจำกัด (4 เดือน) 2.ไม่ได้จัดทำงบประมาณ และ 3.เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย นั้น ตนเห็นต่าง เพราะรัฐบาลชุดนี้ต้องอยู่ยาวกว่า 4 เดือน
โดยอาจกินเวลาถึง 8-9 เดือน เนื่องจากจะต้องนับรวมช่วงเวลาตั้งแต่โปรดเกล้าฯ จนถึงวันยุบสภา (4 เดือนกว่า) ช่วงหาเสียง (2 เดือน) และช่วงรอประกาศผลเลือกตั้งจนถึงการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ (2-3 เดือน) ซึ่งไม่ต่างจากรัฐบาลชุดที่แล้วมากนัก และที่สำคัญข้อจำกัดที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการเมืองภาคพิสดาร ซึ่งรัฐบาลเลือกทางเดินนี้ด้วยความเต็มใจ และเชื่อว่ารัฐบาลคงประเมินแล้วว่าคุ้มที่จะแลกการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายต่อไปว่า รัฐบาลชุดใหม่นี้มี “แต้มต่อ” อย่างน้อย 4 ข้อ ที่มากกว่าข้อจำกัดใด ๆ ดังนี้
1. เก้าอี้รัฐมนตรีเหลือเฟือ การที่บางพรรคเข้ามาสนับสนุนโดยไม่ขอตำแหน่ง ทำให้มีเก้าอี้รัฐมนตรีแบ่งปันกัน ถือเป็นยุคที่มีตำแหน่งมากที่สุดยุคหนึ่ง
2. มีเงินกองอยู่แล้วไม่ต้องออกแรง รัฐบาลมีเงินพร้อมใช้ทันที ทั้งงบเหลือจ่ายปี 68 กว่า 6 หมื่นล้านบาท งบปี 69 กว่า 3.78 ล้านล้านบาท และงบฉุกเฉินในอำนาจนายกฯ เกือบ 1 แสนล้านบาท
3. มีนโยบายสำเร็จรูป 5 ข้อ จาก MOA ที่ผู้มีอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ เตรียมไว้ให้แล้ว สามารถนำไปปฏิบัติได้ทันที
4. มีภารกิจให้คิดเองแค่ 3 เรื่อง รัฐบาลมีภารกิจหลักแค่ 3 เรื่อง คือ การแถลงนโยบาย การจัดคณะรัฐมนตรี และการทำนโยบายให้สำเร็จ
นายจุรินทร์ กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย ซึ่ง ครม. ชุดนี้ประกอบด้วยคนใน และคนนอก โดยชื่นชมว่าตำแหน่งที่เป็นคนนอกส่วนใหญ่ ถูกฝาถูกตัว แต่ก็มีบางตำแหน่งที่น่าเสียดาย กลายเป็นตำแหน่งชักใบให้เรือเสีย ทำให้ ครม.ไม่สง่างาม การที่นายกฯ กล้าเปิดตัวคนนอกที่เป็นมืออาชีพ
แต่สำหรับบางตำแหน่งกลับไม่กล้าเอาออกมาเปิดตัว และทำลับ ๆ ล่อ ๆ จนสุดท้ายก็มีคนหยิบมาวิจารณ์ ถือว่า นายอนุทิน เป็นนายกฯ “นายแน่มาก” ที่กล้าตั้งรัฐมนตรีที่แม้แต่รัฐบาลชุดที่แล้วก็ยังไม่กล้าตั้ง ซึ่งเมื่อตั้งแล้วก็ต้องรับผิดชอบ และขอให้ปฏิบัติภารกิจให้ดีที่สุด
สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ยังระบุอีกว่านโยบาย 7 หน้า 5 หมวดของรัฐบาลยังมีข้อบกพร่อง การตั้งโจทย์ปัญหาประเทศ 4 ภัย (เศรษฐกิจ ความมั่นคง สังคม ภัยพิบัติ) ของรัฐบาลนั้นเป็นการตั้งโจทย์ไม่ครบ เนื่องจากขาด ภัยจากการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นต้นตอสำคัญของปัญหาอื่น ๆ
ในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายจุรินทร์ กล่าวว่ารัฐบาลสามารถทำควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาปากท้องได้ เพราะบทเฉพาะกาลที่เป็นปัญหาใหญ่ได้ผ่านพ้นไปแล้ว จึงตั้ง 2 คำถามสำคัญให้รัฐบาลตอบ
1. ถ้ามีร่างแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดยไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 รัฐบาลชุดนี้จะยกมือสนับสนุนหรือไม่
2. หากการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปแก้ มาตรา 160 (4) (5) ที่กำหนดคุณสมบัติรัฐมนตรีว่าต้องมีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ แล้วเป็นการแก้แบบถอยหลังเข้าคลองรัฐบาลจะสนับสนุนต่อไปหรือไม่
ในส่วนนโยบายด้านความมั่นคงเกี่ยวกับชายแดนไทย-กัมพูชา นายจุรินทร์ ชื่นชมรัฐบาลที่ใช้ยุทธศาสตร์ทหาร-เศรษฐกิจ-การทูต แต่ขอให้ชัดเจนในนโยบายที่ระบุว่า รักษาไว้ซึ่งอธิปไตยนั้น หมายถึง การยึดคืนพื้นที่ตามเส้นเขตแดนที่เป็นสากลที่ถูกครอบครองไปแล้วทั้งหมด ด้วยใช่หรือไม่ และจะดำเนินการเมื่อใด
นอกจากนี้ ยังถามถึงการจัดการบ่อนกัมพูชาที่รุกล้ำเขตแดนไทย ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายจัดการบ่อนผิดกฎหมายให้สิ้นซาก พร้อมถามถึงความชัดเจนในการยกเลิก MOU ปี 43 หรือ 44 ว่าเหตุใดรัฐบาลไม่ตัดสินใจเอง แต่เลือกทำประชามติ พร้อมเสนอแนะว่าให้ดำเนินการควบคู่กับการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่
นายจุรินทร์ ชี้ ว่า 8-9 เดือน ที่รัฐบาลจะอยู่ในตำแหน่งมีอำนาจเต็ม ซึ่งนานพอที่จะคลายทุกข์ให้เกษตรกร แต่กลับพบว่านโยบายเรื่องราคาพืชผล (ข้าว มัน ยาง ปาล์ม ข้าวโพด) เป็นคนละเรื่องกับตอนหาเสียง ซึ่งเคยเสนอราคาข้าวเปลือก 1.8 หมื่นบาท/เกวียน พร้อมทั้งระบุว่าขณะนี้ชาวนาขายข้าวได้ต่ำสุดในรอบ 20 ปี เหลือ 5-6 พันบาท/เกวียน เนื่องจากปัญหาค่าเงินบาทแข็งและการแข่งขันการส่งออกที่สูงขึ้น จึงขอให้รัฐบาลรับการบ้านไปแก้ปัญหาโดยด่วน ทั้งการระบายข้าวและหาวิธีดึงราคาสินค้าเกษตรอื่นๆ
นายจุรินทร์ ได้สนับสนุนนโยบายคนละครึ่ง ที่นำกลับมาใช้เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ แต่ตั้งข้อสังเกตเรื่องไทม์ไลน์การดำเนินการที่จะมี เฟส 2 ในช่วง ธ.ค.-ม.ค. ซึ่งอาจจะตรงกับการยุบสภาและเลือกตั้งพอดี จึงมองว่าอาจกลายเป็นนโยบายที่ผสมผสานระหว่าง เศรษฐกิจครึ่ง การเมืองครึ่ง เพื่อหาคะแนนนิยม
สำหรับนโยบายของรัฐบาลที่จะดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ใช้กฎหมายเพื่อประโยชน์ทางการเมืองอย่างเด็ดขาดถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่นายจุรินทร์ ได้ตั้งคำถามว่า หากหน่วยงานเช่น DSI ยังเดินหน้าทำคดีที่มีความอ่อนไหวทางการเมืองอยู่ จะถือว่าเข้าข่ายทำผิดตามนโยบายนี้หรือไม่
สุดท้าย นายจุรินทร์ ได้ฝาก 5 คาถา ให้รัฐบาลอนุทินว่า
คาถาข้อที่ 1 ขอให้รัฐบาลระลึกถึงคำถวายสัตว์ปฏิญาณไว้เสมอ ที่ระบุว่า “ไม่โกง” เพราะโกงก็จะมีอันเป็นไป และ “ทวน” เป็นอาวุธ มีไว้รบกับเขมร แต่ไม่ได้มีไว้ให้ทิ้งก่อนยุบสภา
คาถาข้อที่ 2 อย่าใช้ระบบเล่นพรรคเล่นพวกเหมือนบางยุค ที่มีการโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพราะจะทำให้คนดีหมดกำลังใจ และทำลายอนาคตของประเทศ
คาถาข้อที่ 3 อย่าเลือกปฏิบัติ อย่าเลือกพัฒนาเฉพาะพื้นที่ที่เลือกมา เพราะทุกพื้นที่ต่างเป็นคนไทยเหมือนกัน
คาถาข้อที่ 4 อย่าลุแก่อำนาจซ้ำรอยอดีต จากที่เคยเห็นมาแล้วมีทั้งอำนาจบริหาร นิติบัญญัติ ทั้งผู้แทนราษฎร วุฒิสภา ทั้งองค์กรอิสระ ถ้าเผลอตัวเมื่อไหร่จะจบไม่สวย
คาถาข้อที่ 5 อย่าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เพราะนอกจากเป็นการทำลายระบบนิติรัฐแล้ว ยังเป็นของแสลง
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS