ณัฐวุฒิ ชี้ เมื่อพรรคเพื่อไทยตัดสินใจที่จะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล ความรับผิดชอบทั้งหลายต่อปัญหาของประชาชนก็ต้องทำกันให้เต็มที่ ประชาชนจะเป็นผู้พิจารณาและตัดสินใจ
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตนจะปฏิบัติหน้าที่ตามที่นายกฯ มอบหมาย รวมถึงการประสานงานทางการเมือง การเคลื่อนไหว อื่นๆ โดยทำงานร่วมกับคณะทำงาน ซึ่งสถานที่ทำงานของตนจะใช้บ้านพิษณุโลกเป็นหลัก
เมื่อถามว่า ต้องดูเรื่องกลุ่มผู้ชุมนุมต่างๆ ด้วยหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตอนนี้กลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองยังไม่ได้ปรากฎความเคลื่อนไหวต่อเนื่อง ส่วนผู้ชุมนุมที่มีข้อเรียกร้อง หรือประสบความเดือดร้อนจากปัญหาการทำกิน หรือการดำรงชีพก็มี นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ทำหน้าที่รับเรื่องราวร้องทุกข์ ประสานงานความคืบหน้าอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ในฐานะที่มีประสบการณ์ด้านการชุมนุม สถานการณ์ตอนนี้ จะมีกลุ่มการเมืองออกมาเคลื่อนไหวหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การเคลื่อนไหวมีมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่รัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ที่มาชุมนุมตรงสะพานชมัยมรุเชฐ หรือการรวมตัว และแสดงความคิดเห็นต่างๆ แต่การชุมนุมที่มีมวลชนขนาดใหญ่ หลักหมื่น หลักแสนคนเป็นเวลานานๆ อย่างที่เคยเห็นในรอบ 20 ปีมา ตนเข้าใจว่ายังไม่น่าจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่ได้มีหน่วยงานหรือปฏิบัติการอะไร ที่จะติดตามความเคลื่อนไหวเหล่านี้เป็นกรณีพิเศษ เพราะเคารพสิทธิเสรีภาพการแสดงออก และมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนมากกว่า
เมื่อถามว่า 3 สัปดาห์ที่เข้ามาทำหน้าที่ ที่ปรึกษาของนายกฯ ได้ให้คำปรึกษาหรือคำแนะนำอะไรบ้าง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สำหรับข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ เราใช้การพูดคุยกันในวงคณะทำงาน ตนไม่ต้องแสดงความเห็นอะไรถึงรัฐบาลหรือนายกฯ หากเราเห็นว่าเรื่องนี้มีมุมมองอย่างไรหรือประเมินสถานการณ์แบบไหนก็นำเรียนไปตามช่องทาง
เมื่อถามว่า เรื่องนิรโทษกรรมจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวกระทบถึงรัฐบาลหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เรื่องนี้นิรโทษกรรมต้องแยกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่พรรคการเมืองเห็นตรงกันไม่มีข้อโต้แย้ง คือเห็นชอบว่าควรจะมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรม เพื่อเป็นเครื่องมือหนึ่งในการลดความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ทั้งนี้ในส่วนที่ยังเห็นต่าง เรื่องกฎหมายนิรโทษกรรมที่ออกจะมานั้น จะครอบคลุมถึงความผิด หรือการดำเนินคดีข้อหาใดบ้าง โดยเฉพาะมาตรา 112 ที่ยังมีข้อเห็นต่างกันอยู่ ซึ่งตนเห็นว่า สภากำลังจะปิดสมัยประชุมและจะมีการพิจารณากฎหมายนี้หรือไม่อย่างไร ช่วงเวลาไหนก็อยู่ที่สมัยประชุมหน้า ดังนั้นช่วงเวลาที่ว่างเว้นจากการประชุมสภาฯ ตนเชื่อว่าพรรคการเมืองต่างๆ ภาคประชาชนที่เคลื่อนไหวคงจะมีการปรึกษาหารือกัน และเดินหน้าเรื่องนี้ หลักการคือ การรักษาบรรยากาศไม่ให้ช่วงเวลานี้มีเงื่อนไขความขัดแย้งอะไร เช่น พรรคเพื่อไทย โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่า จะมีกรรมการยุทธศาสตร์ และกรรมการบริหารหารือและมีข้อสรุปว่า จะมีร่างออกมาประกบหรือไม่ คิดว่าเป็นช่วงเวลาที่เขาคุยกันภายในถึงเวลา ก็ต้องเอาไปคุยกันในสภา ซึ่งเป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐสภา ที่จะไปพูดคุยกัน
“ส่วนจุดยืนของผมต่อเรื่องนี้ ผมได้แสดงความเห็นไปหลายที่ ยังคงมีจุดยืนเดิม และนี่เป็นจุดยืนส่วนตัวที่พูดมาตลอด ก่อนที่จะมาทำหน้าที่และหวังใจว่า เวลาที่ยังเหลืออยู่ ข้อขัดแย้งหรือข้อแตกต่างแต่ละฝ่าย ที่กำลังคิดไม่เหมือนกัน น่าจะยังมีเวลาปรึกษาหารือกันแลกเปลี่ยนกันได้” นายณัฐวุฒิ กล่าว
เมื่อถามว่า มีชนวนใดที่จะทำให้จุดม็อบได้ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การไม่ไปเพิ่มเงื่อนไข ความขัดแย้งของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด อันนี้เป็นเรื่องหลักที่ทุกรัฐบาลไม่ใช่แค่รัฐบาลนี้ ต้องยึดถือปฏิบัติอยู่แล้ว และจะสังเกตเห็นว่าตั้งแต่รัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน จนกระทั่งนายกฯ นางสาวแพทองธาร ก็ไม่ได้มีท่าทีทำนองนี้
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ขณะนี้เรื่องใหญ่ที่สุดของรัฐบาล คือพยายามผลักดันนโยบาย หรือเนื้องานในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับประชาชน ส่วนความขัดแย้งทางการเมือง ไม่ใช่เรื่องเล็กและไม่ใช่เรื่องไม่สำคัญ แต่การจัดบรรยากาศ การจัดเวทีในการดำเนินการเรื่องนี้ มันมีความละเอียดอ่อน คิดว่าควรให้ฝ่ายการเมืองและฝ่ายสภาว่ากันไป ใครมีความคิดเห็นแบบไหนก็แสดงออกกันด้วยท่าทีและเวทีที่เหมาะสม น่าจะดีที่สุด
เมื่อถามว่า ตั้งแต่มาเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับนายแพทย์เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำ นปช. ออกมาเตือนว่า สักวันสิ่งที่ นายณัฐวุฒิเคยทำหรือพูดไว้ อาจจะกลับมาทำลายตัวเอง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีโอกาสคุยกันเป็นทางการส่วนตัว แต่ตนก็มีเหตุผลในการตัดสินใจ มีวิถีทางในการเลือกเดิน และยังแน่ใจว่า ความเป็นตนเองตั้งแต่ในอดีตถึงปัจจุบัน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง วิธีการคิดและเดิน อาจมีการปรับเปลี่ยนบ้าง ไปตามสถานการณ์ แต่เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ และตลอดเส้นทางที่ผ่านมา เมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์ จากเพื่อนมิตรและพี่น้อง ตนเลือกที่จะเงียบ และทำตามในสิ่งที่เชื่อ เดินตามทางที่เลือก ให้เวลามันอธิบายเรื่องทั้งหมดดีกว่า
เมื่อถามว่า นโยบายดิจิทัลรวมถึงงานแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ ดูเหมือนจะยากขึ้น ต้องมีอะไรออกมาหรือไม่ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นและเรียกคะแนนเสียงจากประชาชนในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ทุกนาทีรัฐบาลเร่งทำงานกันอยู่แล้ว แต่ยังมีเวลาอยู่เกือบ 3 ปี เรื่องอะไรก็ตามที่สื่อมวลชนบอกว่ายากอาจจะคลี่คลายง่ายขึ้น และมีผลที่ปฏิบัติได้ การทำงานทางการเมืองในรัฐบาลผสม ไม่มีอะไรที่จะเดินไปได้ก้าวใหญ่ๆ และเร็วทุกเรื่องอยู่แล้ว เรื่องที่เห็นด้วยและเรื่องที่เห็นต่างก็เป็นหน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้อง ที่จะหาทางและมีข้อสรุปร่วมกันเพื่อให้เดินไปต่อได้ เมื่อพรรคเพื่อไทยตัดสินใจที่จะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล ความรับผิดชอบทั้งหลายต่อปัญหาของประชาชนก็ต้องทำกันให้เต็มที่ นโยบายและการแก้ไขปัญหาต่างๆ จะปรากฏชัด ประชาชนจะเป็นผู้พิจารณาและตัดสินใจ
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS