“พิจารณ์” เชื่อคนไทย 35 คน ถูกรัฐบาลสอดแนม ชี้ระบบสปายแวร์ มีแต่รัฐซื้อได้เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงว่า จากกรณีที่ตนแถลงการอภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในกรณีที่รัฐบาลใช้อาวุธทางไซเบอร์หรือสปายแวร์ที่ชื่อว่าเพกาซัสโจมตีประชาชน ตนขอเปิดหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อยืนยันว่า
รัฐบาลจัดหาอาวุธไซเบอร์หรือสปายแวร์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะปีงบประมาณ 2566 ก็มีการจัดหาเพิ่มเติมอีก และการชี้แจงของพล.อ.ประยุทธ์ ก็เป็นการพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงและเบี่ยงแบนประเด็นทำให้ประชาชนเข้าใจผิด
โดยเฉพาะในคำขอประกอบงบประมาณของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในปีงบประมาณ 2566 ในโครงการจัดหาระบบรวบรวมและประมวลผลข่าวกรองชั้นสูง วงเงิน 350 ล้านบาท โดยมีบริษัทเสนอราคา 3 ราย ซึ่งในยี่ห้อ Q CYBER มีการเสนอราคามาต่ำที่สุด โดยยี่ห้อดังกล่าวเป็นบริษัทเดียวกับยี่ห้อเพกาซัส โดยงบประมาณดังกล่าว ไม่ได้ตั้งไว้แค่ 1 ปี แต่เป็นแบบงบต่อเนื่อง 5 ปี ดังนั้นจะใช้เงินเกือบ 1,500 ล้านบาท
นายพิจารณ์ กล่าวต่อว่า โดยคุณสมบัติของซอฟต์แวร์ดังกล่าว เป็นโปรแกรมสำเร็จรูป สามารถติดตั้งซอฟต์แวร์เอเย่นต์ บนอุปกรณ์เป้าหมายได้ โดยที่เป้าหมายไม่ทราบถึงการติดตั้ง รองรับระบบปฏิบัติการทั้ง IOS และแอนดรอยด์ โดยสามารถรวบรวมข้อมูลสมุดรายชื่อ ไฟล์ ประวัติการโทร ประวัติการค้นหา รูปภาพ ข้อความ การนัดหมาย และกิจกรรมได้ รวมถึงยังสามารถ สั่งการเปิดไมค์ของอุปกรณ์เป้าหมายเพื่อดักฟังสภาพแวดล้อมได้ และสามารถสั่งการถ่ายภาพหน้าจอและถ่ายภาพผ่านกล้องของอุปกรณ์เป้าหมายได้
อีกทั้งยังบ่งบอกตำแหน่งของเป้าหมายด้วยระบบ GPS พร้อมทั้งรวบรวมข้อมูลผ่านแอปพลิเคชั่น อาทิ เฟซบุ๊ก วอทส์แอปป์ และสไกป์ ของอุปกรณ์เป้าหมายได้ จึงถือเป็นเครื่องยืนยันว่าคำของบประมาณปี 2566 ในโครงการดังกล่าวคือตัวเดียวกับเพกาซัส และสามารถใช้สอดแนมได้ 10 เบอร์โทรศัพท์ในเวลาเดียวกัน ทั้งนี้ ที่สตช. อ้างว่า 4 ระบบที่ใช้อยู่นั้นไม่เพียงพอต่อการทำงานจึงได้ขอซื้อเพิ่ม จากแบบเดิมที่เป้าหมายจะต้องคลิ๊กลิงค์บางอย่างเพื่อให้เข้าถึงข้อมูลได้ และไม่สามารถเข้าถึงระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ได้
ดังนั้นจึงต้องการแบบใหม่ที่เป้าหมายไม่ต้องดำเนินการใดๆก็สามารถที่จะเข้าไปดึงข้อมูลได้ อีกทั้งยังเข้าสู่ระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ๆและสามารถพัฒนาตามแต่ละรุ่นได้
“ผมยืนยันว่าสิ่งที่พูดในสภาคือเรื่องจริง รัฐบาลได้จัดหาและครอบครองสปายแวร์มาตลอด แต่พล.อ.ประยุทธ์ พยายามบิดเบือน ถ้ารัฐบาลพยายามจัดหาเพื่อใช้ในความมั่นคงของรัฐ เรื่องยาเสพติด ไม่ใช่สอดแนมประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ จะอธิบายได้ง่ายมาก แต่นี้คือพฤติกรรมของคนที่มีพิรุธ นำสปายแวร์มาใช้ผิดประเภท โดยบริษัทที่ขายสปายแวร์ เพกาซัส จะขายให้รัฐเท่านั้น ไม่มีขายให้เอกชน ดังนั้น 35 คนไทยแบ่งเป็น นักกิจกรรม 24 คนนักวิชาการ 3 คน NGO 3 คน นักการเมือง 5 คน ถูกสอดแนมโดยรัฐแน่นอน
ดังนั้นเป็นการใช้สปายแวร์นี้ผิดวัตถุประสงค์ อีกทั้งไม่ใช่มีแค่กองปราบปรามยาเสพติดของสตช. แต่ยังมี กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และหน่วยข่าวกรองกองทัพบก ใช้สปายแวร์ อีกด้วย ซึ่งผมและพรรค ก.ก. จะรวบรวมพยานหลักฐานต่อไปนี้ เชื่อว่าอย่างไรแล้ว ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวติดไม่มิด และจะได้หลักฐานเพิ่มเติมเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป โดยจะใช้กลไกของสภากดดันด้วย และสำหรับผู้ได้รับความเสียหายทั้ง 35 คนนั้น พรรคก้าวไกลจะร่วมกันฟ้องทางแพ่งเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายต่อรัฐ“ นายพิจารณ์ กล่าว