ร่มธรรม แนะภาครัฐยึดพระราชดำริ “ป่าเปียก” รับมือไฟป่า และฝุ่นควัน พร้อมเสนอให้ฟื้นฟูโครงการพระราชดำริด้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทุกโครงการ
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ได้เสนอแนะให้รัฐบาลนำพระราชดำริเรื่อง “ป่าเปียก” ที่ได้พระราชทานไว้ตั้งแต่ปี 2529 มาเป็นแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาไฟป่า ฝุ่นควันอย่างยั่งยืน พร้อมทั้ง เสนอให้ฟื้นฟูโครงการพระราชดำริด้านการเกษตร และด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทุกโครงการเพื่อเป็นการเทอดพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9
นายร่มธรรม ได้กล่าวถึงสถานการณ์ไฟป่าที่สร้างความเสียหายในปัจจุบันว่า ตนเสนอให้รัฐบาลนำแนวพระราชดำริเรื่อง “ป่าเปียก” มาประยุกต์ใช้ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ป่าที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้ เนื่องจากมองว่า “ป่าเปียก” คือการทำให้ป่ามีเกราะป้องกันตนเองจากไฟ หรือ ความร้อน ซึ่งจะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืน นายร่มธรรม ยังได้อธิบายเสริมว่า แนวคิดเรื่อง “ป่าเปียก” คือการสร้างแนวป้องกันไฟป่าโดยอาศัยน้ำชลประทาน และน้ำฝนในการสร้างความชุ่มชื้นให้กับป่า และอีกหลายรูปแบบ เช่น การสร้างฝายแบบต่างๆ เพื่อชะลอความเร็วของน้ำเพื่อให้น้ำไปสร้างความชุ่มชื้นให้กับผืนดินและผืนป่า โครงการป่ารักน้ำ หรือการทำเกษตรผสมผสาน ล้วนทำให้เกิดป่าเปียกขึ้น
นอกจากนี้ นายร่มธรรม ยังเสนอแนะให้รัฐบาลฟื้นฟูโครงการพระราชดำริทุกโครงการเพื่อเป็นการเทอดพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงประกอบพระราชกรณียกิจด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่งเสริมการเกษตรให้แก่คนไทยมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะพระราชดำริในการจัดตั้ง “ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้” จังหวัดเชียงใหม่ ในปี 2525 ที่มีพระราชประสงค์ให้ศึกษาหารูปแบบการพัฒนาด้านการเกษตรที่เหมาะสมกับพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งตนอยากให้รัฐบาลนำมาเป็นต้นแบบเพื่อพัฒนาการเกษตรของไทยในปัจจุบัน
โดยนายร่มธรรม กล่าวเสริมว่า โครงการตามพระราชดำริด้านการเกษตรของในหลวงรัชกาลที่ 9 นั้น มีส่วนสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องเกษตรกรไทย โดยเฉพาะพระราชดำริที่ให้คนอยู่ร่วมกับป่าอย่างสันติ แต่ที่ผ่านมารัฐบาลนี้มองผ่านโครงการที่ดีเหล่านี้ไป ทั้งไม่สนับสนุนงบประมาณ และไม่มีสั่งราชการให้ปรับปรุงฟื้นฟู
ในตอนท้าย นายร่มธรรม กล่าวว่า นับแต่การประกาศเข้าสู่ “ภาวะโลกเดือด” เรายิ่งเห็นปรากฎการณ์ต่างๆ ชัดเจนขึ้น ความรุนแรงของสถานการณ์ไฟป่าเป็นผลพวงหนึ่ง และหากย้อนดูสถิติย้อนหลัง 10 ปีที่ผ่านมา ผืนป่าจะถูกไฟไหม้เฉลี่ยปีละ 1 แสนกว่าไร่ บางปีพุ่งสูงถึงเกือบ 2 แสนไร่ และผลกระทบก็ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะปัญหาฝุ่นควันที่ทำลายสุขภาพโดยตรง
ดังนั้น รัฐบาล และทุกภาคส่วนจึงควรประสานความร่วมมือเพื่อตั้งรับกับวิกฤตการณ์ดังกล่าวโดยเร็ว สร้างป่าที่ชุมชื่นให้มากขึ้น คือทางแก้อีกทางที่สำคัญ
#เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS
