ยิ่งลักษณ์ โอด! ไม่ได้อยู่บ้านเกิดมา 4 ปี แล้ว อยากบอกทุกคน ไม่ว่าฝนจะตกทางไหน มันก็หนาวถึงคนทางนี้เช่นกัน
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ไลฟ์สด เข้ามาพูดคุย ผ่านเพจ Yingluck Shinawatra โดยได้มีการได้แพร่ภาพสด ทั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ พูดคุยกับประชาชน ผ่านเฟซบุค นับตั้งแต่ได้เดินทางออกไปอยู่ต่างประเทศ โดยมีนายพงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ อดีตโฆษกพรรคไทยรักษาชาติ ร่วมพูดคุย
โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ก็อยากได้ยิน และสัมผัสโดยตรงว่าประชาชนวันนี้มีความทุกข์หรือเป็นอย่างไรกันบ้าง ตนมาอยู่ต่างประเทศเป็นเวลา 10 ปีแล้ว วันเวลาผ่านไปเร็วมาก ทั้งนี้จะบอกว่าสบายก็คงไม่ใช่ คนเราจากบ้านเกิด จากสิ่งที่เราทำมาทุกวัน มาว่างงาน มาอยู่ห่างบ้านห่างเมือง ไม่ได้เจอพี่น้องเพื่อนฝูง คนรู้จักก็คิดถึง แต่เราก็ต้องทำอย่างไรให้เราดำรงอยู่ให้ได้ ทั้งนี้พี่โทนี่เคยบอกว่า เวลามาอยู่เราต้องรักษาสุขภาพ ทำตัวเองให้มีความสุข เพื่อคนที่รักของเรานั่นคือสิ่งแรกที่ต้องทำ เราต้องพยายามอยู่ให้ได้ แต่ใจยังรักและคิดถึงทุกคคน
เมื่อถามว่า ติดตามสถานการณ์การเมือง และเศรษฐกิจหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ก็ติดตามอยู่ตลอด ตนเป็นห่วงเรื่องเศรษฐกิจ และราคาข้าวของที่แพงขึ้น แต่เงินในกระเป๋าของพี่น้องประชาชนไม่ได้เพิ่มขึ้น ขณะที่กำลังประสบกับปัญหาโควิดซึ่งเหมือนเป็นการซ้ำเติมเรารู้ว่าพี่น้องประชาชนไม่มีทางออก เราก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร เพราะเราอยู่ไกล และไม่ได้เป็นรัฐบาลแล้ว เราก็ได้แต่ส่งกำลังใจให้ทุกคนเข้มแข็ง และขอร้องรัฐบาลว่าขอให้พี่น้องช่วยประชาชน
เมื่อถามว่า อยากเป็นนายกฯอีกสักสมัยไหม น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ตอนนี้อาจจะเรียกว่าหมดยุคเราแล้วหรือไม่ เพราะวันนี้เป็นช่วงเวลาของคนรุ่นใหม่แล้ว เด็กรุ่นใหม่มีความสามารถเยอะ อย่างไรก็ตาม การที่ใครจะได้เป็นนายกฯอยู่ที่พี่น้องประชาชนว่าอยากให้ใครมาบริหารประเทศ ประเทศไทยมีคนที่มีความรู้ความสามารถมาก สำหรับตน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหนก็อยากช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นบ้านเกิด เรามีความรักความผูกพัน แม้ตัวจะต้องมาอยู่ที่นี่ แต่ใจยังอยู่ประเทศไทยตลอดเวลา
เมื่อถามว่า ถ้ายังเป็นนายกฯ หรือยังเป็นรัฐบาลอยู่จะมีนโยบายอะไรที่อยากทำบ้าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า โครงการ 2 ล้านล้านบาท การทำรถไฟความเร็วสูง หรือการบริหารจัดการน้ำ เรื่องแท็บเล็ต ตอนที่เป็นรัฐบาลเราคิดว่าปีที่ 3 เราวางอนาคตในวันข้างหน้าของประเทศไทย เพราะปีแรกและปีที่ 2 เราใช้สำหรับแก้ปัญหาที่มีมา ขณะนั้นมีการวางยุทธศาสตร์จังหวัด เพื่อให้แต่ละจังหวัดมีความแตกต่างแล้วด้วย
เมื่อถามถึงการทำงานในฐานะนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหญิงคนแรกของประเทศไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ท้าทายมาก โดยเฉพาะตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องทำงานกับเหล่าทัพ และหนักใจ การสั่งงานต้องใช้ข้อกฎหมายในการสั่งการ
เมื่อถามว่า ถ้าเจอหน้าพล.อ.ประยุทธ์ ยังคุยกันได้หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า “ก็ต้องถามกลับพล.อ.ประยุทธ์ว่าถ้าเจอหน้ายิ่งลักษณ์ยังคุยกันได้อยู่หรือเปล่า”
เมื่อถามว่า สมัยที่ประกาศนโยบายค่าแรงขั้นต่ำฮือฮามาก แต่วันนี้ค่าแรงขั้นต่ำที่ประกาศ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า รัฐบาลต้องดูแล และคำนวนว่าค่าครองชีพเท่านี้ในแต่ละวันผู้ใช้แรงงานควรได้ค่าแรงเท่าไหร่เพื่อให้เขาอยู่ได้ แต่ตรงนี้ไม่ถาวรเท่าการสร้างรายได้ให้ประเทศ เพราะถ้าประเทศเรามีรายได้มากเศรษฐกิจดีภาคธุรกิจก็มีกำลังเพิ่มค่าแรงให้ลูกจ้าง จะไปแก้แต่เพียงปัญหาเรื่องค่าแรงไม่ได้
เมื่อถามว่า ท่านด่าคนเป็นไหม น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เราก็มนุษย์ปกติคนหนึ่ง ก็มีความรู้สึก มีจิตใจ ส่วนใหญ่ก็ไประบายกับคนรอบข้างแทน เพราะเราไม่อยากให้ใครไม่สบายใจ ซึ่งเราต้องทำงานหมู่มาก เราก็ต้องใจเย็น เพราะทุกคนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วยแล้วทำไมต้องมารับรู็กับการอารมณ์เสียของเราเราก็ต้องหาทางระบายความเครียดของเราให้ได้ อย่างไรก็ตาม เราต้องไม่เอาอารมณ์มาเป็นหลักในการสื่อสารของเรา ถ้าเราคุยกับคนด้วยอารมณ์โกรธ เราก็ไม่ได้งานสักที
“ขอบคุณแฟนเพจทุกคนที่เข้ามาฟัง วันนี้ก็เรียกว่าได้หายคิดถึง ได้มีโอกาสได้พูด ได้บอกความรู้สึกของตัวเองกับประชาชน สิ่งที่อยากบอกคือ วันนี้ไม่ได้อยู่บ้านเกิดมา 4 ปี แล้ว ก็เป็นปกติที่เราต้องคิดถึงกัน อยากบอกตามเพลงเล่าสู่กันฟังว่า ไม่ว่าฝนจะตกที่ไหน คนทางนี้ก็อยากรู้เรื่องราว และสะเทือนถึงทางนี้เช่นกัน ถ้าบ้านเรามีความทุกข์ยากลำบากอะไร คนอยู่ทางนี้เองก็รู้สึกสะเทือนใจ และเป็นห่วง นี่คือสิ่งที่อยากบอกทุกคน ไม่ว่าฝนจะตกทางไหน มันก็หนาวถึงคนทางนี้เช่นกัน ไม่ว่าเจออะไรก็อยากให้เล่าสู่กันฟัง แม้ว่าจะทำอะไรไม่ได้ แต่กำลังใจ และการอยู่เคียงข้างจะไม่มีวันเลือน วันนี้มีแต่ความจริงใจที่จะอยู่เคียงข้าง อะไรที่จะทำเพื่อพี่น้องประชาชนได้ ดิฉันยินดี ขอให้พี่น้องประชาชนอดทน และรักษาสุขภาพให้ดี เชื่อว่าวันหนึ่งจะได้เจอสิ่งที่ดี และหวังว่าวันหนึ่งประเทศไทยจะได้ลืมตาอ้าปาก พี่น้องประชาชนจะมีรายได้ที่ดี ดิฉันขอเป็นกำลังใจให้“ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว