“ทนายนกเขา” ชี้เหลี่ยมคูการเมืองของก้าวไกล ชู “มีลุงไม่มีเรา หรือ มีเราไม่มีลุง” ยิ่งขยายความเกลียดชัง “ลุงป้อม-ลุงตู่” เชื่อกระแสจะโดดเดียว 2 ป.
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “เหลี่ยมคูการเมือง” กล่าวถึงการประกาศชัดเจนของพรรคก้าวไกลมีลุงไม่มีเรา เป็นการชิงการนำประชาธิปไตย นับเป็นเหลี่ยมคูการเมืองเพิ่มความเกลียดชังให้ลุงมากขึ้น ถึงขั้นโดดเดี่ยว 2 ป.
นายนิติธร กล่าวว่า ชั้นเชิงทางการเมืองขณะนี้มีแต่เป้าหมายมุ่งชนะเลือกตั้ง หวังเป็นรัฐบาล เพื่อมีอำนาจรัฐ และได้ใช้งบประมาณ 3.3 ล้านล้านบาทบริหารประเทศ ส่วนการตอบสนองประชาชนเป็นเรื่องรอง ดังนั้น การใช้เหลี่ยมคูทางการเมืองจึงสำคัญกับการนำไปสู่เป้าหมายต้องการได้
“การใช้เหลี่ยมคูทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ต้องมีการกระทำที่เป็นความรู้ มีความชอบธรรม และถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่ใช้วิธีพวกมากลากไปอย่างเดียว เพราะไม่สามารถตั้งรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพได้”
อีกทั้งกล่าวว่า การเน้นความรู้ต้องไม่ยึดเพียงด้านเศรษฐศาสตร์กับรัฐศาสตร์ เพราะเป็นการหาเสียงแบบไม่รับผิดชอบอย่างแท้จริง ส่วนในแง่ของกฎหมายนั้น สิ่งที่เห็นขณะนี้คือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่สามารถจัดเลือกตั้งให้สุจริต โปร่งใสได้ เพราะยังมีความเชื่อกับการใช้เงินมาก และซื้อสิทธิขายเสียงยังมีตามปกติ จึงแสดงว่า กกต.ไม่สามารถทำให้กฎหมายที่รับผิดชอบเดินได้อย่างสุจริตเป็นที่ยอมรับกัน พร้อมทั้งยังนิ่งเฉยกับพรรคการเมืองเสนอนโยบายประชานิยมที่นำไปสู่ผลกระทบกับความมั่นคงของชาติ
นายนิติธร กลาวถึงนโยบายของพรรคเพื่อไทยแจกเงินดิจิทัลหมื่นบาทว่า ในด้านนิติศาสตร์ กกต.ต้องทำหน้าที่อย่างเคร่งครัดและรวดเร็ว โดยธนาคารแห่งประเทสไทย หรือธนาคารชาติได้ส่งสัญญาณแล้วจะมีผลต่อความน่าเชื่อถือของต่างประเทศ และสุ่มเสี่ยงกับวินัยการเงินการคลังของระเทศในอนาคต
พร้อมเชื่อว่า เงินหมื่นบาทที่แจกนั้นจะเกิดปัญหาตั้งแต่ สิ่งที่นำมาใช้จ่ายว่า ใช่เงินตราที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายหรือไม่ ถ้าไม่ใช่เงินที่ถูกกฎหมายแล้ว ในการหาเสียงนำมาใช้ได้อย่างไร ดังนั้น ธนาคารชาติจึงส่งสัญญาณเน้นถึงความเป็นกลางทางการเมืองโดยชูความถูกต้องทางกฎหมายเป็นหลัก
“สิ่งที่ กกต.ต้องทำขณะนี้คือ เอานโยบายทั้งหมดของพรรคเพื่อไทยที่เกี่ยวข้องกับเงินดิจิทัลมาดู จะเห็นว่าเงินที่เอามาให้ประชาชนแลกเปลี่ยนใช้จ่ายนั้น ไม่ใช่เงินบาทที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายและธนาคารชาติรับรอง จึงส่อถึงผิดกฎหมาย เป็นการหลอกลวงประชาชน และสิ่งสำคัญเรื่องนี้มีผลต่อการตัดสินใจของการเลือกตั้งอย่างแท้จริง ดังนั้น กกต.ต้องรีบดำเนินการ”
นายนิติธร กล่าวว่า เมื่อสิ่งที่แจกให้ไปไม่ใช่เงินที่ชำหนี้ได้ตามกฎหมายแล้ว จึงไม่สามารถนำไปแลกเปลี่ยนหรือซื้อสินค้าในเขต 4 กิโลเมตรตามที่ประกาศได้ หากฝ่าฝืนแล้วก็ไม่สามารถนำกลับมาแลกเป็นเงินบาทได้ สิ่งนี้เข้าข่ายหลอกลวงประชาชนชัดเจน
“ดังนั้น กกต.ต้องรีบวินิจฉัย ขืนปล่อยให้เลือกตั้งจะเกิดปัญหาทางรัฐศาสตร์ ซึ่งศาล รธน.เคยวินิจฉัยทักษิณ ชินวัตร ว่าบกพร่องโดยสุจริตมาแล้ว และความบกพร่องนี้ได้ส่งผ่านรากเหง้าตระกูลการเมืองมาถึงนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนฉิบหายมาถึงปัจจุบัน โดยประเทศไม่มีความสามัคคี ประชาชนต้องเผชิญหน้ากัน”
พร้อมทั้งระบุว่า ยังก่อให้เกิดกลุ่มคนมีอาวุธชุดดำทำลายประชาชนทั้งฝ่าย นปช. พันธมิตรฯ และกลุ่มอื่นๆ กระทั่งปัจจุบันนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร แล้วเพื่อไทยยังวนทำแบบเดิมๆ ซ้ำอีก ถ้า กกต.ปล่อยให้แจกเงินดิจิทัลหมื่นบาทได้ ต้องใช้งบประมาณถึง 5.6 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม ประชาชนไม่ผิดที่จะได้เงินหมื่นบาท เนื่องจากไม่รู้ แล้วคนรู้กลับไม่ทำหน้าที่อย่างสุจริต
นายนิติธร กล่าวถึงนโยบายพรรคก้าวไกลว่า มีหลายนโยบายที่สร้างความหวัง ความใฝ่ฝันของสังคม แต่ต้องเข้าใจถึงความมั่นคงของประเทศด้วย การพัวพันกับการแก้ไข ม.112 ซึ่งนำเสนอแบบนามธรรม ยังไม่ปรากฎรูปธรรมชัดเจน อีกทั้งการยกเลิกการเกณฑ์ทหารนั้นจะก่อให้เกิดตความรู้สึกที่ผิดเพี้ยนและมีความรังเกียจทหาร โดยต้องยอมรับเช่นกันว่า หน้าที่ความมั่นคงบางเรื่องราวนั้น ไม่มีประชาชนทำได้ และยังต้องใช้ทหารปฏิบัติอยู่
นอกจากนี้ เห็นว่า กาาจัดตั้งรัฐบาลโดยก้าวไกลเสนอมีเราไม่มีลุง และ มีลุงไม่มีเรา นั้น เท่ากับเป็นการชิงการนำทางประชาธิปไตย และถึงที่สุดจะเกิดการเกลียดชังและต่อต้านลุงมากขึ้นเรื่อยๆ อีกอย่างพรรคเพื่อไทยไม่ได้พูดให้ชัดเจนกับการจับมือกับลุงทั้งสองคน หากวันหนึ่งไปจับมือกับพลังประชารัฐแล้ว ประชาชนจะไม่ยอมรับเช่นกัน
“ยุทธศาสตร์แบบนี้ (ไม่จับมือกับลุง) จะทำให้ทุกพรรคสามารถจับมือตั้งรัฐบาลกันได้ โดยเว้นให้เหลือพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติไว้เพียงสองพรรคเท่านั้น จึงเป็นเหลี่ยมคูทางการเมืองง่ายๆที่พรรคการเมืองวางไว้ คือ โดดเดี่ยว 2 ป.”
นายนิติธร ย้ำว่า แต่อย่าลืม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังเป็นรักษาการนายกฯ มีอำนาจอยู่ในมือ และสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปนี้ไม่ใช่ความผิดของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.ประยุทธ์ แต่นโยบายการหาเสียงของพรรคการเมืองเดินเข้ามาหาเอง อย่างไรก็ตาม บ้านเมืองในขณะนี้ต้องเดินหน้าด้วยกฎเกณฑ์ทางกฎหมายและความมั่นคง ซึ่งการหาเสียงของทุกพรรคไม่ตอบสนองกับสิ่งนี้ ดังนั้น โอกาสจะสะดุดกับการจัดตั้งรัฐบาลย่อมเกิดขึ้นได้เช่นกัน
ประเทศไทยต้องมาก่อน
#เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS