อ.อุ๋ย ชี้ วิสัยทัศน์ “ทักษิณ” ฟังดูดี แต่ขาดความยั่งยืน ไม่แตะปัญหาคอรัปชั่น
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า จากกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้แสดงวิสัย Dinner Talk Vision for Thailand 2024 ที่พารากอนฮอล เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ที่ผ่านมา นั้น นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย หรืออาจารย์อุ๋ย นักวิชาการด้านกฎหมายและอดีตผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิ พรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงความเห็นว่า
“เท่าที่ผมดูการแสดงวิสัยทัศน์ของคุณทักษิณ บางส่วนเป็นการกล่าวซ้ำนโยบายของพรรคเพื่อไทย เช่น เงินดิจิทัลและซอฟท์พาวเวอร์ ซึ่งนำไปสู่การตั้งคำถามว่าคุณทักษิณมีส่วนในการครอบงำพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ซึ่งมีความผิดตาม พรป. พรรคการเมือง มาตรา 28 และมาตรา 29 ซึ่งจะเป็นเงื่อนปมที่ทีมกฎหมายของคุณทักษิณและพรรคเพื่อไทยจะต้องนำไปหาทางออกและกำหนดบทบาทที่เหมาะสมของคุณทักษิณต่อไป ทั้งนี้ ผมเห็นด้วยกับวิสัยทัศน์ของคุณทักษิณหลายเรื่อง เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ครัวเรือน รถไฟฟ้า 20 บาท การจัดระเบียบโครงสร้างภาษี และการผลักดัน Man-made attraction หรือแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผมยังมองว่าวิสัยทัศน์ของคุณทักษิณยังตกหล่นเรื่องที่สำคัญไป เช่น การยกระดับเศรษฐกิจของไทยจากประเทศกลุ่มรายได้ปานกลาง ไปสู่กลุ่มประเทศที่มีรายได้สูง ซึ่งจะต้องเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจของไทยจากที่พึ่งพาการลงทุนจากต่างชาติในด้านอุตสาหกรรมหนัก ไปสู่ประเทศที่ส่งออกเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง ตรงนี้จะทำอย่างไร เพราะต้องอาศัยการขับเคลื่อนจากทุกองคาพยพ
ที่สำคัญคือต้องปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบให้รองรับเศรษฐกิจนวัตกรรม กระตุ้นให้ประชาชนมี “จิตนวัตกรรม” (innovative minds) ที่หมายถึง การมีจิตใจ ใฝ่เรียนรู้สิ่งใหม่ ทำสิ่งใหม่ๆ แก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์ มองวิกฤติ เป็นโอกาสอย่างมี Growth mindset ซึ่งจะทำให้คนไทยมีรายได้สูงขึ้นอย่างยั่งยืน ไม่ต้องรอคอยความช่วยเหลือจากรัฐ
ส่วนเรื่อง Negative Income Tax ที่นำเงินภาษีจากคนที่มีรายได้สูงไปช่วยคนทำงานที่มีรายได้น้อยนั้น ฟังดูเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องคำนึงว่า ตอนนี้ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอย่างเต็มตัว คนวัยทำงานจะมีจำนวนน้อยลงเรื่อย ๆ ภาษีที่จะเข้าสู่ระบบก็ย่อมน้อยลง แล้วจะมีเงินเหลือพอที่จะมาช่วยคนรายได้น้อยหรือไม่ และมีตัวอย่างของบางประเทศที่เคยทดลองใช้ระบบนี้แล้ว ปรากฎว่าประชาชนเริ่มลดชั่วโมงการทำงานของตัวเองลง สื่อถึงผู้คนเริ่มรู้ว่า ทำงานน้อย ๆ ก็ได้เพราะมีเงินชดเชยจากรัฐเข้าช่วย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่จะต้องนำไปพิจารณา
อีกประเด็นสำคัญคือเรื่องการแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่น การรักษาหลักนิติรัฐนิติธรรม และความโปร่งใส ซึ่งประเทศไทยอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลก และเป็นตัวฉุดรั้งการพัฒนาทางเศรษฐกิจของไทยมาช้านาน อีกทั้งสหประชาชาติก็กำหนดว่าหลักนิติธรรมมีส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ดังนั้น หากอยากจะให้เศรษฐกิจไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดดก็ต้องตีโจทย์เรื่องการต่อต้านการทุจริตให้แตก ซึ่งผมก็ยังไม่เห็นคุณทักษิณแสดงวิสัยทัศน์ในเรื่องนี้ ทั้งที่มีประสบการณ์ในการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดาย”
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS
