“อาจารย์อุ๋ย” จี้รัฐบาลให้ความชัดเจนเรื่องเงินดิจิทัล ชี้สังคมส่อขัดแย้งหากปล่อยให้คลุมเครือ
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า จากกรณีที่รัฐบาลนำโดยพรรคเพื่อไทยมีนโยบายแจกเงิน 10,000 บาท ในรูปแบบดิจิทัลให้ผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป เพื่อกระตุ้นการอุปโภคบริโภคของประชาชน โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณกว่าห้าแสนหกหมื่นล้านบาทนั้น นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย หรืออาจารย์อุ๋ย นักวิชาการด้านกฎหมายและอดีตผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้ความเห็นว่า
ตอนนี้รัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนใด ๆ ในเรื่องของนโยบายเงินดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นวิธีการจ่ายเงิน จะจ่ายเข้าแอปเป๋าตังเป็นเงินสด หรือต้องสร้างแอพใหม่เพื่อรองรับดิจิทัลโทเคนที่ใช้บล้อกเชนเพื่อตรวจสอบ ซึ่งจะสุ่มเสี่ยงต่อการละเมิด พรบ. เงินตรา พ.ศ. 2501 และ พรบ. ธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2485 ที่กำหนดให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเท่านั้นเป็นผู้ออกธนบัตร
นอกจากนี้ พรบ. วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 มาตรา 6 กำหนดให้รัฐต้องดำเนินนโยบายและบริหารการเงินการคลังอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใสและตรวจสอบได้ ตามหลักการรักษาเสถียรภาพและการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และมาตรา 9 วรรคท้าย กำหนดว่า “คณะรัฐมนตรีรีต้องไม่บริหารราชการแผ่นดินโดยมุ่งสร้างความนิยมทางการเมืองที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนในระยะยาว” ตนจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลให้ความชัดเจนเรื่องเงินดิจิทัล เพื่อที่สังคมจะได้ตัดสินว่านโยบายดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมายข้างต้นหรือไม่
อีกทั้งขณะนี้ สังคมเริ่มแตกแยกออกเป็นสองฝ่าย คือ ฝ่ายที่สนับสนุนและฝ่ายที่คัดค้านนโยบายนี้ ซึ่งตนเห็นว่าหากปล่อยให้ค้างคา สังคมจะยิ่งเกิดความแตกแยกมากขึ้น ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ จนจึงอยากให้รัฐบาลออกมาให้ความชัดเจนโดยเร็ว เพื่อที่ประเทศจะได้เดินหน้าต่อไป รวมทั้งขอเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลอื่น ในฐานะผู้ร่วมคณะรัฐมนตรีออกมาแสดงจุดยืนเรื่องนโยบายเงินดิจิทัลด้วย ว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอย่างไร เพราะสุดท้ายทั้งคณะรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบร่วมกันในทุกนโยบาย
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS
