Connect with us

Politics

สมคิด​ ยิงตรงเป้า!​ ชี้การแข่งขันไทยเริ่มถดถอย สู้ไม่ได้กับหลายประเทศในอาเซียน!!

Published

on

สมคิด​ ลั่น ไทยเจอ​ 6​ จุดฉุดประเทศ​ จี้ 4 เสาหลักการเงิน-การคลัง อย่าให้การเมืองมาเขย่า​มาเป็นตัวกำหนด​

ผู้​สื่อข่าว​โต​โจ้​นิว​ส์ราย​งานว่า​ นายสมคิด​ จาตุศรีพิทักษ์​ อดีตรองนายกรัฐมนตรี​ ฝ่ายเศรษฐกิจ​ ปาฐกถาพิเศษปิดหลักสูตรผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง (Leadership for Change : LFC)รุ่นที่ 12ที่จัดโดยมูลนิธิสัมมาชีพในหัวข้อ “สัมมาชีพกับประเทศไทยหัวใจในการขับเคลื่อนประเทศ”

นายสมคิดกล่าวตอนหนึ่งว่าการบรรยายครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 2ปีเต็มนับตั้งแต่พ้นตำแหน่ง (รองนายกฯ)เพราะคิดว่าเมื่อออกจากหน้าที่แล้วไม่อยากที่จะพูดอะไรที่กระทบกระทั่งกับคนที่เขาทำงานอยู่โดยที่ไม่ตั้งใจอย่างไรก็ตาม 2ปีเต็มที่ห่างออกไปหลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไปทั้งภายนอกและภายในและเป็นพัฒนาการที่นำไปสู่สิ่งที่น่าห่วงใยคิดว่าเราทุกคนต้องตระหนักเอาไว้ร่วมกันคิดว่าจะช่วยกันอย่างไรในอนาคตข้างหน้าตนอาจจะคิดแล้วไม่ถูกต้องอาจจะมีผิดพลาดแต่ให้ถือว่าตนมีจิตใจบริสุทธิ์ที่หวังดี

สิ่งที่ทุกคนต้องตระหนักและช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปในอนาคตโดยสรุปมี 6ข้อที่เป็นความห่วงใยต่ออนาคตประเทศได้แก่

1.โลกเผชิญอยู่มีความเสี่ยงและมีความไม่แน่นอนที่สูงมากขึ้นทั้งจากเรื่องของโควิด-19และความขัดแย้งในรัสเซียและยูเครน 2เรื่องนี้เป็นเมฆหมอกแห่งความไม่แน่นอนการจินตนาการในอนาคตยากมากทุกฝ่ายต้องเตรียมตัวโดยเฉพาะผู้ที่มีความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองต้องคิดล่วงหน้าเสมอเพื่อประโยชน์เพราะเป็นหน้าที่ทั้งโควิด-19ที่ไม่ได้ยุติลงได้ง่ายส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจมากและกระทบกับฐานะการเงินการคลังของทุกประเทศส่วนสงครามในยูเครนก็ยุติไม่ง่ายเช่นกันเป็นสงครามที่มีความประสงค์และความมุ่งมั่นของฝ่ายต่างๆและไม่รู้ว่าจะจบเมื่อใดและไม่มีใครรู้ว่าสงครามใหญ่จะเกิดขึ้นหรือไม่เพราะยูเครนเป็นแค่หมากตัวแรก
ของการต่อสู้เชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่ปัจจุบันการขยายวงไปยังสวีเดนและฟินแลนด์ที่พยายามจะเข้าสู่นาโต้

“จนกลายเป็นผลกระทบทางเศรษฐกิจเกิดภาวการณ์ขาดแคลนอาหารพลังงานและเงินเฟ้อที่สูงขึ้นทั้งโลกผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจะตามมาด้วยเรื่องของสังคมและการเมือง

ซึ่งหลายประเทศเกิดจลาจลวุ่นวายเนื่องจากคนที่ยากจนได้รับผลกระทบมากที่สุดเมื่อรัฐบาลดูแลไม่ได้ก็จะเกิดปัญหาตามมาเช่นที่เกิดที่บราซิลศรีลังกาและการเปลี่ยนแปลงการเมืองที่ฟิลิปปินส์ที่เกิดขึ้นแล้ว”

2.ความเสี่ยงในเรื่องการคลังและความต้องการใช้งบประมาณที่เพิ่มขึ้นจากความไม่ปกติตั้งแต่เกิดโควิด-19มา 2ปีรัฐบาลมีความจำเป็นในการใช้จ่ายเงินจำนวนมากแต่มองไปข้างหน้าหากยังไม่มีทางออกที่ชัดเจนต้องดูว่าทรัพยากรที่จำกัดจะใช้ได้อย่างไรจะใช้เม็ดเงินทุกส่วนเพื่อฉุดให้ประเทศไทยพ้นปากเหวการช่วยเหลือภาคธุรกิจให้สามารถที่จะเดินต่อได้จึงต้องคิดนอกกรอบให้ได้ซึ่งเป็นเรื่องของการคิดนอกกรอบไม่ใช่ใช้วิธีแบบเดิมที่จะช่วยให้ภาคธุรกิจเดินต่อได้ดังนั้นเรื่องการคลังเป็นเรื่องใหญ่เพราะในอนาคตรัฐบาลต้องใช้เงินมหาศาลแน่นอนแต่ที่ผ่านมาการใช้เงินเพื่อดูแลผู้บริโภคซึ่งทำได้แค่ระยะหนึ่งแต่นานๆไปความเปราะบางทางการคลังจะมีมากการบริหารทรัพยากรของประเทศคือเงินในเรื่องงบประมาณการเงินการคลังจะมีความสำคัญมากเพราะเราเป็นประเทศขนาดเล็ก

ในการบริหารเรื่องนี้มี4หน่วยงานสำคัญคือธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.),สำนักงบประมาณ,สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)และกระทรวงการคลังซึ่งในภาะปกติก็ทำตามขั้นตอนปกติได้แต่ในภาวะไม่ปกติแบบปัจจุบัน 4หน่วยงานที่เป็นเสาหลักต้องทำงานให้เต็มที่เป็นหลักในเรื่องการเงินการคลังของประทศต้องจัดสรรงบประมาณก่อนหลังตามความจำเป็นและต้องจัดสรรเพื่องบประมาณให้อนาคตเดินไปได้ทั้ง 4เสาหลักการเงินการคลังต้องยืนให้เข้มแข็งเพราะถ้า 4หน่วยงานเสียงแข็งพอใครก็เขย่าไม่ได้ต้องกล้าคิดกล้าเสนอไม่ให้การเมืองเป็นตัวกำหนด

3.การพึ่งพาเศรษฐกิจภายนอกมากเกินไปจะเกิดปัญหาเนื่องจากลมเศรษฐกิจภายนอกไม่ดีทั้งการค้าและการท่องเที่ยว ไทยต้องปรับการขับเคลื่อนและการพัฒนาจากเดิมที่อาศัยปัจจัยภายนอกปัจจุบันเศรษฐกิจภายนอกไม่ดีส่งผลกระทบทั้งการส่งออกและการท่องเที่ยวการสร้างความเข้มแข็งจากภายในมีความจำเป็นมากการกระจายอำนาจการกระจายการคลังและกระจายงบประมาณอย่าให้งบประมาณกระจุกตัวทั้งในเรื่องของงบประมาณและอำนาจรวมทั้งการคลังไปยังท้องถิ่นควบคู่กับการลดกฎระเบียบที่ล้าสมัย

4.ความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยเราเริ่มถดถอยแข่งขันไม่ได้กับหลายประเทศในอาเซียนยกตัวอย่างในเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าที่จะเข้ามานั้นเรามีความพร้อมหรือไม่อินโดนิเซียได้เปรียบมากในเรื่องวัตถุดิบและตลาดแต่ของไทยนั้นยังช้าเนื่องจากการตัดสินใจที่ช้าของค่ายรถญี่ปุ่นทำให้ไทยเปลี่ยนแปลงช้าไปด้วยส่วนในเรื่องความสามารถในการแข่งขันที่เคยทำในเรื่องอุตสาหกรรมเอสเคิร์ฟและทำในเรื่องเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)แต่การดึงอุตสาหกรรมเป้าหมายการดึงอุตสาหกรรมเป้าหมายเข้ามาลงทุนในไทยก็ยังล่าช้าต้องเร่งปรับเปลี่ยน

5.การมีบทบาทของไทยในเวทีโลกของไทยปัจจุบันจุดยืนและข้อเสนอใหม่ๆของไทยในภูมิภาคอาเซียนเบาบางลงไปมากการเป็นศูนย์กลางของอาเซียนของไทยก็ลดบทบาทลงซึ่งจะส่งผลต่อการโน้มน้าวการเข้ามาลงทุนของบริษัทขนาดใหญ่ของไทยในอนาคตทำได้ยากสิ่งที่ต้องทบทวนและตั้งคำถามก็คือปัจจุบันเรายังมีความสามารถในการแข่งขันหรือไม่มีบทบาทในอาเซียนหรือไม่ในเรื่องนี้ต้องเร่งช่วยกันทำให้เข้มแข็งขึ้นก่อนที่จะถูกมองข้ามจากนานาชาติ

และ 6.การขาดพลังในการรวมกันภายในชาติอย่างมีเอกภาพปัจจุบันความรู้สึกของประชาชนที่มีต่อธรรมาภิบาลความเชื่อมั่นเชื่อถือและเชื่อใจของประชาชนต่อรัฐลดลงและหากไม่มีสิ่งเหล่านี้การทำงานก็จะทำงานได้ยากมากเพราะจะถูกตั้งคำถามทำให้การทำงานของภาครัฐไม่สามารถทำได้และพลังงานในการแก้ไขปัญหาการพัฒนาประเทศขับเคลื่อนได้ยากและกรรมก็จะเกิดกับประชาชนเรามาถึงจุดที่ไม่น่าเชื่อจะเกิดขึ้นความรู้สึกของประชาชนที่มีต่อธรรมาภิบาลของประเทศมันค่อยๆอ่อนลงไปมีผลกระทบต่อความเชื่อทั้งความเชื่อมั่นความเชื่อถือและความเชื่อใจการทำงานโดยถูกตั้งคำถามตลอดเวลาหากมากขึ้นถึงจุดหนึ่งทำอะไรก็ติดขัดผิดไปหมดต้องรีบแก้ไขต้องรีบสร้างความเชื่อ 3ตัวนี้ให้กลับคืนมาให้ได้

“ทั้งหมดไม่ได้มีเจตนาที่จะว่าใครเลยแต่เป็นสิ่งที่เราเห็นและอนาคตต้องเผชิญกับมันหมอกมันหนาจัดความเสี่ยงภัยมันสูงพลังของประเทศต้องแข็งแรงพอที่จะฝ่าฟันภาวะอย่างนี้ต้องรีบเยียวยาไม่ใช่ให้ใครคนใดคนหนึ่งมาแบกรับเป็นไปไม่ได้จะผลิตอัศวินขี่ม้าขาวมากี่คนทุกอย่างก็เหมือนเดิมดีไม่ดีแย่กว่าเดิม”

สิ่งที่จะทำให้เกิดได้ต้องให้ความสำคัญใน 3เรื่องคือ

ประการแรก-การเมือง ที่คือจุดเริ่มต้นของทุกอย่างถ้าการเมืองดีประเทศดีการเมืองอ่อนแอประเทศลำบากประชาชนลำบากตอนไปพบนพ.ประเวศวะสีบอกว่าการเมืองในอนาคตหากมีความขัดแย้งแตกแยกจะเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐน่าจะพักไว้ก่อนการเมืองที่มีแนวทางยืดหยุ่นเป็นทางสายกลางไม่เน้นความขัดแย้งไม่เน้นการเป็นปฏิปักษ์ให้ทุกคนมีโอกาสพูดคุยแก้ไขสถานการณ์ไม่มีขั้วไม่มีฝ่ายเป็นทางออกของประเทศได้ท่านยังบอกอีกว่าแนวทางสายกลางไม่ใช่ไม่มีจุดยืนแต่เป็นจุดยืนของชาวพุทธที่ไม่ให้คนเราขัดแย้งท่านเชื่อว่าแนวทางสายกลางคือแนวทางที่ถูกต้องคนจะให้การสนับสนุนเพราะขณะนี้คนไม่ต้องการความขัดแย้งแล้ว

ประการที่ 2​ สภาวะผู้นำการเมือง มีความสำคัญอย่างยิ่งและผู้นำแต่ละสถานการณ์มีความแตกต่างกันในยามไม่ปกติต้องมีความชัดเจนในภาพของปัญหาและแนวทางแก้ไขแต่ถ้ามีเจตจำนงต่อรองจัดสรรผลประโยชน์อำนาจเลือกตั้งกี่ครั้งก็ยังเป็นภูเขาที่เขยื้อนไม่ได้ต้องเอาคนที่ดีที่เก่งมาช่วยกัน

และที่สำคัญที่สุดประการที่ 3​ ความสำคัญของภาคประชาชน ก็คือคนที่ทำสัมมาชีพทำอาชีพที่ถูกต้องไม่เพียงพอยกระดับไปสู่การเป็นพลเมืองที่สามารถทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้

#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: