หมอเผย เชื้อไวรัสก่อโรคทำให้เกิดความผิดปกติต่อสมองโดยตรง เนื้อสมองและเนื้อเยื่อประสาททำให้แสดงอาการออกมาในรูปของการสับสนวุ่นวาย ในระยะแรกของการเจ็บป่วย
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ว่า “ชักลังเลว่าเอาอยู่จริงไหม เพราะตัวเลขผู้ป่วยหนักและใส่เครื่องช่วยหายใจยังคงไปต่อ ส่วนผู้เสียชีวิตยังทรง แต่อาจเพราะเปลี่ยนวิธีการสรุปสาเหตุตายถ้าไม่ได้เป็นผลจากโควิดโดยตรง หรือเป็นการติดเชื้อแบบไม่รู้ตัวขณะป่วยหนักจากโรคเรื้อรังที่มีอยู่เดิม สำหรับในแต่ละวัน เท่าที่ทราบมีประมาณ 15-20% ของผลการตรวจ RT-PCR เป็นผลจากการตรวจยืนยันผลจาก ATK ก่อนหน้า ด้วยเหตุผลทางการแพทย์ถ้าต้องเข้ารพ.หลัก และเหตุผลต้องการยืนยันเพื่อหยุดงานหรือการประกัน สำหรับผลตรวจนั้นกว่า 95% ผลก็เป็นบวกจริง แสดงว่าช่วงนี้ผลบวก ATK เชื่อถือได้ น่าคิดจะใช้ทดแทน RT-PCR ในบางกรณีกันบ้างจะได้ประหยัดเงินประเทศ
สำหรับสายพันธุ์ย่อยแปลกไปจาก BA.2 ที่ครองตลาด ยังพบน้อยในบ้านเรา ส่วนตัวแชมป์ใหม่นั้นก็ไม่พบว่ารุนแรงกว่าเจ้าของพื้นที่เดิม สามวันก่อนมีสื่อขอสัมภาษณ์เรื่องอาการลองโควิดทางระบบประสาทและสมอง ต้องขอบายเขาไปเพราะไม่ชำนาญและไม่มีข้อมูลด้านนี้มาก เพียงแต่ประสบการณ์ส่วนตัวที่ดูแลรักษาผู้ป่วยที่ฟื้นตัวจากปอดอักเสบโควิดแล้ว นอกจากอาการตกค้างในระบบการหายใจแล้ว อาการตกค้างในระบบประสาทก็พบได้บ่อยไม่แพ้กัน แถมยังรบกวนชีวิตประจำวันได้มากโดยเฉพาะรายที่มีปัญหาเกี่ยวกับการนอน
ดูเหมือนว่าเจ้าโควิดจะทำร้ายร่างกายเราโดยไม่แยกแยะอวัยวะ มีสองช่องทางที่เชื้อไวรัสก่อโรคทำให้เกิดความผิดปกติต่อสมองและจิตใจของเรา ทางตรงเป็นผลจากการอักเสบโดยตรงของเนื้อสมองและเนื้อเยื่อประสาท (encephalitis/encephalopathy) ทำให้แสดงอาการออกมาในรูปของการสับสนวุ่นวาย (altered mental status and delirium) ในระยะแรกของการเจ็บป่วย และเมื่อดีขึ้นหรือหายแล้ว บางคนอาจมีอาการหลงเหลือ เช่น เครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า นอนไม่หลับ ย้ำคิดย้ำทำ เป็นต้น
นอกจากผลการอักเสบจากไวรัสแล้ว การกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อไวรัสผิดปกติ (cytokine network dysregulation and peripheral immune cell transmigration) รวมไปถึงระบบภูมิคุ้มกันทำร้ายตัวเองหลังหายจากการติดเชื้อ (post-infectious autoimmunity)
ส่วนทางอ้อม เป็นผลกระทบมาจากความเครียดในระหว่างการเจ็บป่วย ไปช่วยกระตุ้นให้ปัญหาทางสมองและจิตใจที่อาจมีอยู่เดิมกำเริบขึ้น หรือเป็นของใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะต้องถูกแยกตัวทั้งในทางกายภาพและทางสังคม (physical and social isolation) ยิ่งถ้าป่วยหนักต้องเข้าโรงพยาบาลด้วยแล้ว การต้องถูกแยกตัวห้ามญาติเยี่ยม แถมจำกัดบุคลารกรที่จะเข้าไปดูแล ทำให้เกิดความแปลกแยกและยิ่งซ้ำเติมปัญหาที่เป็นผลทางตรงจากโรคเข้าไปใหญ่ นี่ยังไม่นับปัญหาการตกงานหรือขาดงาน การขาดแคลนอาหารและเครื่องอุปโภคและอุปโภค รวมไปถึงฐานะทางเศรษฐกิจที่อาจถูกสั่นคลอน ล้วนแล้วแต่ช่วยซ้ำเติมให้ผลกระทบทางตรงจากตัวโรคแย่หนักขึ้นอีก
COVID-19 and its impact on the brain and Mind- A conceptual model and supporting evidence
ถ้าโชคดีบ้านเราเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่นของโควิดได้เร็ว คงมีผลหลงเหลือทางร่างกายและจิตใจของคนป่วยและคนที่ไม่ได้ป่วยจากโควิดจำนวนมากมาย ในระหว่างที่ยังไม่ถึงจุดนั้น สายด่วน 1323 คงช่วยผ่อนคลายความทุกข์ของท่านได้บ้าง ในยามที่ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร”