“อี้ แทนคุณ” ยินดี “ปิยบุตร” วางมือการเมือง ปิดตำนาน “ซ้ายจัดดัดจริต” ชี้นักการเมืองที่ไร้จริยธรรมย่อมแพ้ภัยตัวเอง ซัดไม่มี “นิติสงคราม”มีแต่ “เนติเนรคุณ”
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า 23 กันยายน 66
ดร.แทนคุณ จิตต์อิสระรักษาการประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคระหว่างเพศพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีการประกาศยุติบทบาททางการเมืองของนายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ หลังพบว่าพรรคก้าวไกลไร้น้ำใจไม่แสดงความเห็นปม “ช่อ พรรณิการ์” ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต ปรากฎว่าเจอทัวร์ด้อมส้มมาลงหนักมากจนทนไม่ไหวต้องประกาศยุติบทบาท
ซึ่งก่อนอื่นตนอยากแสดงความยินดีกับอาจารย์ปิยบุตรที่ได้รับการเบิกเนตรจากด้อมส้มให้เข้าใจสัจธรรมได้ในชั่วข้ามคืนและหวังว่าจะไม่หวนกลับมาอีกจริงๆตลอดไป แม้จะคิดไม่ถึงว่าภูมิคุ้มกันรับทัวร์ของอาจารย์ช่างเปราะบางมากโดยตนเชื่อว่าสิ่งที่อาจารย์ได้รับนั้นเป็นวิบากกรรมที่เกิดจากการปลุกปั่นให้เกิดแนวคิดทางการเมืองที่สุดโต่งเกินไปทั้งการหมกหมุ่นแต่จะยกเลิก ม.112 การสนับสนุนให้ท้ายช่วยพวกที่ล่วงละเมิดต่อสถาบันในการชุมนุมการเมืองหลายครั้ง ทั้งกายภาพและออนไลน์จนสัญชาตญาณดิบที่ถูกปลุกให้ก้าวร้าวคลุ้มคลั่งใช้เสรีภาพแบบทำลายล้างหรือ”ซ้ายจัดดัดจริต”กลายเป็นความเกลียดชัง แตกแยกทั้งที่สถาบันไม่เคยไปทำร้ายประชาชนแต่อย่างใด วันนี้จึงมาถึงจุดที่แนวคิดและการกระทำของกลุ่มดังกล่าวย้อนกลับมาปะทะคุกคาม ด้อยค่า ล่าแม่มดและเบียดขับให้คนเห็นต่างออกจากสมการโดยไม่
เว้นแม้แต่ผู้เป็นต้นแบบทางความคิดหรือ master mindอย่างอาจารย์ที่ใช้กลไกวิชาการ กลไกการเมือง กลไกมวลชน ในการสร้างแรงกระเพื่อมเหมือนผีเสื้อขยับปีกจนอีกหลายชีวิตในสังคมต้องเผชิญมรสุมทัวร์ด้อมการเมืองรุมถล่ม ยิ่งนานวันสังคมยิ่งเข้าใกล้ความเสี่ยงที่จะเกิด “อาชญากรรมจากความเกลียดชัง” ที่เกิดจากปัญหา”ภูมิคุ้มกันการยอมรับฟังคนเห็นต่างน้อยลง”โดยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนคิดต่างจะใช้ทุกวิถีทางกำจัดคนที่คิดต่างนั้นออกไป ความแตกแยกขัดแย้งและการมุ่งเป้าโจมตีสถาบันที่ถูกปลุกปั่นสร้างในหลายปีที่ผ่านมาจนมีผู้ถูกดำเนินคดีนั้นไม่ใช่”นิติสงคราม”
แต่เป็น “เนติเนรคุณ” คือผู้รู้กฎหมายตีความกฎหมายหลอกลวงให้คนทำร้ายประเทศ ทำร้ายสถาบันที่เปรียบเสมือนบรรพบุรุษของชาติและบุคคลเหล่านั้นจะต้องแพ้ภัยตัวเองตายตกไปตามกันโดยการมี “มาตรฐานจริยธรรม” จะเป็นเกณฑ์สำคัญในการยกระดับจิตสำนึกให้นักการเมืองรู้ดีชั่วรู้ถูกผิดต่อการทำหน้าที่และการใช้อำนาจเพื่อความเสมอภาคและสงบสุขของสังคมอย่างแท้จริง