จตุพร ถาม เรื่องกำแพงภาษีทรัมป์เป็นเรื่องใหญ่มาก และผู้มีบารมีนอก รธน.บอกว่าคุยกันไว้หมด แล้วเลื่อนทำไม หรือแสดงว่าไม่มีการนัดหมายกันไว้
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงาน นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน จัดรายการประเทศไทยต้องมาก่อนผ่านเฟซบุ๊คว่า ขณะนี้กระแสกดดันรัฐบาลพรรคเพื่อไทยรุมเร้ามาทุกทิศทาง ทั้งแรงรุกให้ปรับ ครม. รวมถึงทีมไทยแลนด์ไปเจรจากำแพงภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐต้องเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด และจู่ๆ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ส่งเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินร้องต่อศาลปกครองถอนคำสั่งส่งทักษิณ ชินวัตร ไปรักษาตัว รพ.ตำรวจ ชั้น 14
“ขณะนี้ศึกต่างๆของทักษิณ และพรรคเพื่อไทยเกิดขึ้นรอบทิศทาง แม้จะไม่จบสิ้นไปด้วยการเชือดจากพรรคฝ่ายค้านที่น่ารักของรัฐบาลอุิ๊งอิ๊ง (แพทองธาร ชินวัตร) แต่ดาบอื่นๆ ที่จัดเรียงกันมานั้น หากกรณีของทักษิณทำอย่างตรงไปตรงมาแล้ว ปัญหาจะไม่เกิดขึ้นเลย”
อีกทั้งกล่าวถึงท่าทีหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคประชาชน ฝ่ายค้านว่า ข้อมูลเล่นงานนายกฯ อุ๊งอิ๊งในสภา แล้วยังประกาศปฎิบัติการโรยเกลือข้อหาส่อหลีกเลี่ยงภาษี รุกที่ดินเขาใหญ่สร้างโรงแรมหรู และครอบครองธรณีสงฆ์ทำสนามกอล์ฟอัลไพน์ แต่ถึงขณะนี้ยังไม่มีผลเป็นรูปธรรมชัดเจน
อย่างไรก็ตาม การโรยเกลือนั้น เอาแต่ยื่นหนังสือให้กรมสรรพากรตรวจสอบและชี้แจง แต่หน่วยงานนี้อยู่ใต้บังคับบัญชาของรัฐบาล โอกาสบรรลุเป้าหมายขจัดการทุจริตเพื่อสร้างความเสมอภาคทางภาษีย่อมไม่เกิดขึ้น
“ข้อมูลที่อภิปรายฯ นั้น พรรคฝ่ายค้านกลับไม่ใช้สิทธิลงชื่อจำนวน 1 ใน 10 ของสภา เพื่อยื่นให้ศาล รธน. วินิจฉัยกรณีฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง โดยอ้างว่า ไม่ใช้กลไกที่ไม่ยอมรับความชอบธรรม แล้วลงเลือกตั้งตาม รธน. 2560 ที่รัฐประหารร่างขึ้นมาทำไม และรับกลไก ปปช.ที่รัฐประหารตั้งขึ้นเช่นกันได้อย่างไร ฝ่ายค้านพูดเช่นนี้ และทำตัวได้น่ารักแบบนี้รัฐบาลอุ๊งอิ๊งจึงชอบใจ”
นายจตุพรกล่าวถึงชุดทีมไทยเลื่อนไปเจรจากำแพงภาษีทรัมป์ออกไปจาก 23 เม.ย. ว่า ถ้าไทยนัดเจรจากันไว้ชัดเจนแล้ว คงไม่มีเหตุผลที่จะเลื่อนได้ ดังนัน จึงต้องรอวันนัดครั้งใหม่จากสหรัฐ แต่ทุกอย่างย่อมไม่ง่ายอย่างที่คิดกันไว้
“เรื่องกำแพงภาษีทรัมป์เป็นเรื่องใหญ่มาก และผู้มีบารมีนอก รธน.บอกว่าคุยกันไว้หมด แล้วเลื่อนทำไม หรือแสดงว่าไม่มีการนัดหมายกันไว้ อีกอย่างประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ไม่มาเยื่อนไทยหมายความว่าไง ดังนั้น แต่ละเรื่องใครคิดว่าบรรยากาศท่าจะดี มันไม่ใช่แน่”
พร้อมทั้งกล่าวถึงการปรับ ครม.ว่า เมื่อโควต้าพรรคร่วมรัฐบาลอื่นลงตัวกันหมดแล้ว ถ้ามีการปรับ ครม.จริง คงเป็นเฉพาะโควต้าของพรรคเพื่อไทยเท่านั้นต้องปรับ ส่วนพรรคภูมิใจไทยไม่มีทางจะแลกโควตากระทรวงกับพรรคเพื่อไทย ดังนั้นต้องเขี่ยออก แต่เสียงรัฐบาลคงไม่เพียงพอต่อเสถียรภาพบริหารประเทศได้อย่างมั่นคงได้
ส่วนนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎรและแกนนำพรรคภูมิใจไทย โพสต์ข้อความว่า “สถานการณ์ของไทยในยามนี้ถ้าผู้นำประเทศเป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ ยากเหลือเกินจะนำพาประเทศก้าวข้ามความยากลำบากไปได้ เราต้องการผู้นำมืออาชีพที่ปกครองได้ บริหารเป็น ความมืดมนอนธการช่างน่ากลัวยิ่งนัก”
นายจตุพร กล่าวว่า แม้นายสมศักดิ์ ไม่มีตำแหน่งในพรรคภูมิใจไทย แต่เขาเป็นนักการเมืองคุณภาพคนหนึ่ง เมื่อโพสต์ข้อความถึงผู้นำมืออาชีพมานำประเทศ ไม่ใช่ให้มาเป็นเพียงสัญลักษณ์ ดังนั้น ย่อมสะท้อนถึงทิศทางการปรับ ครม.ได้อย่างมีนัยสำคัญ
“นักการเมืองภูมิใจไทยกลับมีความคิดเห็นเชิงหลักการถึงผู้นำมืออาชีพ ย่อมสะท้อนได้ชัดเจนว่า พรรคเพื่อไทยไม่กล้าเสี่ยงปรับออกจาก ครม. เพราะส่วนหนึ่งยังมีความกังวลกับเสียงใน สว.ที่เป็นมิตรกับภูมิใจไทย และรัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะเหลือเสียงสนับสนุนเกินครึ่งสภาเพียงเสียงเดียวเท่านั้น เหตุนี้เสถียรภาพจึงเปราะบางอย่างยิ่ง”
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS