Connect with us

Politics

ประชาธิปัตย์ จบปัญหา ครอบครัวสีดำ !!

Published

on

ความรุนแรงในครอบครัวไม่ใช่เรื่องส่วนตัว
“ประชาธิปัตย์” มุ่งมั่นแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เอาจริง แม้เป็นเรื่องยาก แต่ก็ต้องทำ

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า ในวันที่ 25 พฤศจิกายน ของทุกปี องค์การสหประชาชาติ กำหนดให้เป็นวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล (International Day for the Elimination of Violence against Women) พรรคประชาธิปัตย์ จึงได้จัดเวทีเสวนา “ลานพระแม่ทอล์ก” เพื่อแสวงหาหนทางที่จะนำไปสู่การยุติความรุนแรงในครอบครัว ภายใต้หัวข้อ “ความรุนแรงในครอบครัวไม่ใช่เรื่องส่วนตัว สร้างสุข ปลอดภัย ไร้ความรุนแรง” (Act now to End Violence against Women and Childs) โดยมี นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรค มาเป็นประธานกล่าวเปิดเวที พร้อมกับมีผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย พ.ต.อ.หญิงฉัตรแก้ว วรรณฉวี อดีต ผกก.(สอบสวน) กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 นางจันทิมา ธนาสว่างกุล อัยการอาวุโส น.ส.กฤษฎี บุญสวยขวัญ ผู้อำนวยการกลุ่มคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิ น.ส.สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง ผู้อำนวยการมูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคม กลุ่มกฎหมาย กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว นางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท อดีต สส. บัญชีรายชื่อของพรรค เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยมีกรรมการบริหารพรรค อดีต สส. และประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมชมการเสวนาดังกล่าว

โดยนายอลงกรณ์ กล่าวว่า ความรุนแรงในครอบครัวเป็นเรื่องพื้นฐานสำคัญของประเทศ พรรคประชาธิปัตย์นำโดย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรค ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข จึงมีนโยบายเพื่อขับเคลื่อนสังคมนำไปสู่การสร้างครอบครัวที่อยู่ดีมีสุข ไร้ความขัดแย้ง จึงต้องการผลักดันให้เกิด “วิศวกรครอบครัว” โดยเปิดรับอาสาสมัครเข้าทำงานกับเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.) ตลอดจน อสม. และ อสส. โดยมี ศ. ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรค และนางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ กรรมการบริหารพรรค อดีต สส. กทม. ร่วมกันทำงานกับรองหัวหน้าพรรคที่ดูแลภาคต่างๆ ต่อไป

“เด็กที่อยู่ในครอบครัวเหมือนน้ำที่ใสสะอาด เมื่อสมาชิกในครอบครัวเติมความรุนแรง สิ่งที่ตามมาคือครอบครัวสีดำ สิ่งนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งของความจริงที่เกิดขึ้น นอกจากครอบครัวไร้สันติสุขแล้ว ยังก่อให้เกิดความไม่มีเสถียรภาพ ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จึงมีความมุ่งมั่นแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ และเอาจริงเอาจัง โดยทำงานแบบไร้รอยต่อแบบไม่มีผลประโยชน์ทางการเมือง ที่ถือเป็นจุดยืนใหม่ให้การเมืองเป็นเรื่องข้างหลัง แม้ประชาธิปัตย์จะไม่มี สส. แม้แต่คนเดียวในสภา แต่พรรคจะยังคงอยู่ต่อไปเพื่อทำงานให้กับสังคม” นายอลงกรณ์ กล่าว

ด้านนางเจิมมาศ ได้กล่าวถึงบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์ที่ทำงานต่อต้านความรุนแรงในครอบครัวมาอย่างยาวนาน จากการที่คุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ของพรรค เป็นประธานปฏิญญาปักกิ่งในปี 2538 ซึ่งเป็นแผนปฏิบัติการเพื่อความก้าวหน้าของสตรี ที่สะท้อนถึงความตั้งใจของประชาคมโลกในเรื่องความเสมอภาค การพัฒนา และสันติภาพสำหรับสตรีทุกคนแล้ว พรรคยังผลักดันให้มี พ.ร.บ.ยุติความรุนแรงในครอบครัวต่อเด็กและสตรี โดยมีผลบังคับใช้ในสมัยรัฐบาลชวน พ.ศ. 2543

พ.ต.อ.หญิงฉัตรแก้ว กล่าวว่า ความรุนแรงในครอบครัวถือเป็นเรื่องอาชญากรรมใต้หลังคาบ้าน ซึ่งคนที่จะเข้ามาทำงานเรื่องนี้ต้องมีใจ ต้องเข้าใจ และต้องสมัครใจทำด้วย เพราะปัญหาความรุนแรงมีหลายรูปแบบไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะคู่สามี-ภรรยา แต่ยังรวมถึงผู้สูงอายุถูกทำร้าย ถูกทิ้งให้อยู่อย่างลำพัง จากประสบการณ์การทำงานพบว่า สังคมไทยมองปัญหาความรุนแรงในครอบครัวว่าเป็นเรื่องเล็ก ตัวผู้ถูกกระทำไม่ทราบสิทธิของตัวเอง ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาขึ้นการจะให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นผู้รับเรื่อง ควรขยายขอบเขตการรับเรื่องให้พนักงานฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้สามารถไประงับยับยั้งเหตุได้ด้วย เพราะผู้ถูกกระทำส่วนใหญ่มักไม่อยากให้เป็นคดี แต่ต้องการให้ปัญหาได้รับการแก้ไข และได้รับความช่วยเหลือ

“การนำชุมชนมาเป็นหลัก เป็นการช่วยเหลือป้องกันปัญหาความรุนแรงในครอบครัวได้ดีที่สุด” พ.ต.อ.หญิงฉัตรแก้ว กล่าว

นางจันทิมา ธนาสว่างกุล อดีตอัยการอาวุโส เปิดเผยว่า จากการที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ มีดำริให้มีโครงการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงในประเทศ โดยให้สำนักอัยการ และภาคส่วนต่างๆ เข้าร่วม เพื่อสร้างจิตสำนึกห่วงใยในสถาบันครอบครัว ทำให้ชุมชนและสังคมได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว ซึ่งปัญหาความรุนแรงนั้นมีหลายมิติ ตั้งแต่ Silence Violence หรือความไม่แยแส การไม่ได้รับการดูแลด้านรายได้ การปล่อยปละละทิ้งผู้สูงอายุ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาความรุนแรงทั้งสิ้น ดังนั้นการจะแก้ปัญหาความรุนแรงได้ ต้องใช้สหวิชาชีพ ที่ต้องบูรณาการจากหลายภาคส่วน แต่ภาครัฐยังมีจุดอ่อนในเรื่องนี้ ดังนั้นจึงต้องปรับ mindset ให้มีการทำงานแบบ integrate ทั้ง เด็ก – สตรี – แม่ – ผู้สูงอายุ เพื่อให้สามารถพิจารณาดึงเอาหลายองค์กรเข้ามาช่วยกันดูแลได้

“โครงการของพระองค์ภา ได้วางรากฐานไว้ แผนทุกแผนในสำนักงานอัยการสูงสุดที่เกี่ยวกับความรุนแรงก็เกิดจากสิ่งที่พระองค์ได้กำหนดไว้ ฝากภาคการเมืองว่าหากเรื่องนี้คือรากฐานสังคม ก็จะต้องสร้างบุคคล มีความคิดเรื่อง mindset กระตุ้นให้เกิดการทำงานเครือข่ายร่วมกัน ตลอดจนข้อกฎหมายต่างๆ เพื่อยกระดับคุณค่าของสังคมให้ดีขึ้น” นางจันทิมา กล่าว

ด้านนางสาวกฤษฎี กล่าวว่า ทาง พม. ได้จัดตั้งศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) สังกัดกระทรวง พม. ผ่าน สายด่วน 1300 พม. ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อช่วย เร่งรัด – จัดการ แก้ปัญหาสังคมให้ประชาชน พร้อมส่งหน่วยเคลื่อนที่เร็ว ซึ่งจากสถิติที่ทาง พม. จัดเก็บพบว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดความรุนแรงในครอบครัวมาก 3 อันดับ ประกอบด้วย บันดาลโทสะ ยาเสพติด และสุรา

สำหรับนางสุเพ็ญศรี กล่าวว่า ผู้ที่จะต้องทำงานทางด้านกฎหมายคุ้มครอง ทั้งตำรวจ ศาลยุติธรรม ควรได้รับการฝึกอบรมจิตวิทยา เพื่อให้เกิดความเข้าใจทั้งตัวผู้กระทำผิด และผู้ถูกกระทำ

“เหตุการณ์ความรุนแรงในครอบครัวจะมีความซ้ำซ้อน ดังนั้นต้องมีการปรับปรุงกระบวนการ เพราะเวลาทำงานกฎหมายจะตีความแบบกฎหมายมหาชน แต่เวลาตั้งงบประมาณกลับตีความแบบกฎหมายอาญา คนที่ทำงานด้านนี้จึงต้องมีลักษณะพิเศษคือต้องมีความเข้าใจ ต้องมีทักษะเรื่องการจัดสรรงบประมาณ และต้องมีที่ปรึกษาเพื่อช่วยชี้แนะด้วย” นางสุเพ็ญศรี กล่าว

สำหรับ นางรัชฎาภรณ์ ได้กล่าวสรุปว่า เรื่องความรุนแรงของครอบครัวนั้น ด้านหลักเป็นเรื่องทัศนคติ แม้ตัวบทกฎหมายได้วางหลักเอาไว้ แต่ในทางปฏิบัติจริงนั้นมักประสบปัญหาอยู่เสมอ ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องยากเพราะมีความละเอียดอ่อน แต่ก็เป็นเรื่องที่ต้องทำ และต้องทำอย่างจริงจังต่อไป

#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: