Connect with us

Politics

ส.ว. ตบเท้าหนุนประชามติทำ รธน.ใหม่

Published

on

ส.ว. ส่วนใหญ่เห็นด้วย ออกเสียงประชามติจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ชี้ควรรีบแก้ขณะยังมีโอกาส

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า การประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 6 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) ได้พิจารณาเรื่องด่วน คือการพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบผลการลงมติของสภาผู้แทนราษฎร ในญัตติขอให้สภามีมติส่งเรื่องที่มีเหตุสมควรจะให้มีการออกเสียงประชามติให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ดำเนินการ โดยก่อนการลงมติ ได้มีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อภิปรายแสดงความเห็นกันอย่างกว้างขวาง

นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. เห็นว่า สมควรต้องแก้รัฐธรรมนูญเพื่อลดความขัดแย้ง แต่ไม่ควรทำประชามติในวันเดียวกับการเลือกตั้ง เพราะจะมีผลเสียมากกว่าผลดี ประชาชนอาจจะสับสนและอาจทำให้พรรคการเมืองสามารถนำเจตนาการแก้รัฐธรรมนูญไปใช้หาเสียงได้

“ตนมองว่ามี 2 ทางเลือก คือ ทำประชามติก่อนการเลือกตั้ง หรือหลังการเลือกตั้ง แต่ผมคิดว่าทางที่จะเป็นไปได้คือการทำประชามติหลังการเลือกตั้งครั้งนี้ รัฐบาลต่อไปมีหน้าที่แก้รัฐธรรมนูญ แล้วเมื่อแก้รัฐธรรมนูญเสร็จ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณสัก 2 ปี ก็จัดการยุบสภา เลือกตั้งใหม่ด้วยรัฐธรรมนูญใหม่”

ขณะที่ นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ส.ว. ชื่นชมผู้เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเคารพเสียงจากสภาผู้แทนราษฎรที่แทบจะเป็นเอกฉันท์ โดยตนมีข้อสงสัยว่า ประชาชนควรจะเข้าใจอย่างชัดเจนก่อนหรือไม่ว่าการทำประชามติไปเพื่ออะไร แก้รัฐธรรมนูญมีขอบเขตแค่ไหน แก้อย่างไร แล้วให้ใครแก้ คำถามประชามติต้องชัดเจน ไม่ชี้นำ

ด้าน นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. ที่ระบุว่า ตนเห็นด้วยอย่างยิ่งกับญัตติ และวุฒิสภาไม่ควรประวิงเวลาให้ล่าช้า ควรเร่งลงมติเห็นชอบเพราะจะมีแต่ผลดี พร้อมอธิบายรัฐธรรมนูญกำหนดว่าอำนาจในการทำประชามติอยู่ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เท่านั้น จะทำหรือไม่ทำก็ได้ไม่มีกฎหมายใดอีกบังคับให้ทำ รัฐสภาเป็นเพียงผู้ส่งสาส์น หากเราไม่เร่งให้ความเห็นชอบก็เหมือนรับเผือกร้อนไว้

“วุฒิสภาก็ยิ่งเสียไปใหญ่ถ้าเราคัดค้านไม่ให้แก้ เพราะตอนจะแก้เราก็บอกว่าแก้ไม่ได้ ต้องไปทำประชามติ พอเขาเสนอทำประชามติมา ถ้าเราคัดค้านขึ้นมา ยิ่งเสียกันไปใหญ่ ส.ว.จะเป็นจำเลยของสังคม ในเมื่อ ส.ส.เขาเห็นชอบมาแล้ว”

หากการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นในสมัยนี้ ส.ว.ชุดของเรา ยังมีอำนาจต่อรอง มีอำนาจเสนอประเด็นต่างๆ ตามที่เราต้องการ หากถึงปี 2567 แล้วก็หมดยุคของเราก็ได้แต่ทำตาปริบๆ และท้ายสุด ส.ส. เขาก็จะแก้จนได้

นายสมชาย แสวงการ ส.ว. ระบุว่า มีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตลอด ก็เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็สามารถทำได้ แต่ต้องมีกรอบ ไม่เช่นนั้นก็สามารถแก้ไขอะไรก็ได้ ขึ้นอยู่กับสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) แม้จะแก้มาตรา 1 ก็ทำได้ แต่เมื่อตนพิจารณาดูแล้ว ญัตติที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเสนอมานั้น ยังไม่มีข้อมูลประกอบหลักการและเหตุผลที่ชัดเจนพอให้ลงมติได้ จึงเสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อศึกษาเรื่องนี้ให้ละเอียดรอบคอบและชัดเจน ก่อนจะลงมติต่อไป

จากนั้น นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. ลุกขึ้นแย้งว่า ข้อเสนอให้ตั้งกรรมาธิการเพื่อศึกษาญัตตินั้น ยังเร็วเกินไป ควรฟังความเห็นของ ส.ว.ก่อน อภิปรายความเห็นให้จบเป็นเรื่องไป ขณะที่ สมชาย ชี้แจงว่า ญัตติดังกล่าวของตนยังไม่ตกไป แต่จะให้สมาชิกฯ อภิปรายความเห็นให้ครบถ้วนก่อนได้

ด้านนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว. ยืนยันว่า ตนไม่มีเหตุผลที่จะขัดขวางการตัดสินใจของประชาชน ผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ กระบวนการนี้เป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในปี 2564 ว่า การทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องทำประชามติเสียก่อน และที่สำคัญ เราเคยเคารพรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ที่มาจากการทำประชามติ จึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่เคารพการทำประชามติอีกครั้ง

ตนเห็นด้วยกับสมาชิกหลายท่านว่า ไม่ควรให้ลงประชามติแบบตีเช็คเปล่า ไม่มีกรอบของการแก้ไขที่ชัดเจน แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นกรอบ ยังไม่ถึงขั้นเนื้อหาอะไรเลย เป็นเพียงการถามประชาชนสั้นๆ ง่ายๆ เท่านั้นว่า ประชาชนผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญเห็นด้วยหรือไม่กับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หากประชาชนออกเสียงว่าเห็นด้วย ก็ต้องมีการเสนอร่างแก้ไขให้รัฐสภาพิจารณา ถึงเวลานั้นหากสมาชิกฯ จะไม่เห็นชอบกับเนื้อหานั้นก็ได้ และยังต้องทำประชามติอีกครั้งด้วย

“ตนตอบคำถามตัวเองไม่ได้ว่า ผมจะไปคัดค้านประชาชนผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญได้อย่างไรกัน และนี่ก็เป็นการปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง เพราะฉะนั้น ผมเห็นด้วยกับญัตตินี้ จะขอยืนยันในความเห็นนี้ จนกว่าจะมีเหตุผลคัดค้านอื่นที่ทรงพลังเพียงพอที่จะทำให้ผมตัดสินใจใหม่ได้”

#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: