ธันวา ออกข้อเสนอ 3 ข้อ จี้ รัฐอย่าช้า เร่ง แจกยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์ ไม่ใช่มาแจกตอนออกซิเจนต่ำ 80-70 ซึ่งไวรัสกินปอดไปหมดแล้ว
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายธันวา ไกรฤกษ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ปัจจุบันย้ายไปเป็นอยู่พรรคกล้า แสดงความเห็นสถานการณ์โควิดในปัจจุบัน โดยเฉพาะการจ่ายยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์ ที่ยังถูกมองว่าเป็นปัญหาในการช่วยผู้ป่วยโควิด โดยนายธันวาระบุว่า ถ้าไม่ใช่รัฐบาลเผด็จการ โปรดรับฟังและพิจารณา ข้อเสนอนี้ดีไม่ดีอย่างไร ทำได้ไม่ได้ ก็บอกมา
ทางออกกรณีการจ่ายยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์ ถึงจุดนี้รัฐบาลต้องยอมรับนะครับ ว่าการเข้าถึงยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์นั้นล่าช้าและไม่ทันการณ์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้ป่วยตายคาบ้าน ตายข้างถนน ดังที่เห็นในปัจจุบัน
อย่างไรก็ดี ข้อทักท้วงของหลายฝ่ายถึงความเสี่ยงในการจ่ายยาต้านแบบหว่านนั้น ผมเองไม่ใช่ไม่รับฟัง แต่ไม่อยากให้มันกลายเป็นข้อจำกัดในการช่วยชีวิตประชาชน
วันนี้คอขวดใหญ่ๆมี 3 เรื่อง คือ
- ผู้ป่วยไม่สามารถเข้าถึงการตรวจ
- ผู้ป่วยไม่สามารถเข้าถึงยาต้านไวรัส
- ผู้ป่วยไม่สามารถเข้าถึงเตียง
สำหรับการเข้าถึงการตรวจ แม้รัฐบาลจะปลดล็อค Rapid Antigen Test แล้ว แต่ในความเป็นจริงก็ยังลงทะเบียนได้บ้างไม่ได้บ้าง โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องการเตียง ยังต้องไปหาที่ตรวจ PCR ซ้ำใหม่อยู่ดี
สำหรับการเข้าถึงยาต้านไวรัส แม้ผู้ป่วยจะมีผลตรวจประเภทใดก็ตาม หากไม่ได้รับการประเมินจากแพทย์ ส่วนใหญ่จะไม่สามารถเข้าถึงยาอย่างทันท่วงที จะมาได้กินก็ตอนออกซิเจนต่ำ 80-70 ไปแล้ว ซึ่งไวรัสกินปอดไปหมดแล้ว ต่อมาก็เสียชีวิต
สำหรับการเข้าไม่ถึงเตียง วันนี้โอกาสการได้เตียงของผู้ป่วยกลุ่มสีแดงนั้น พอๆกับโอกาสที่จะถูกเลขท้าย 2 ตัวและ 3 ตัว ที่โดนเจ้ามืออั้นเลขล็อค ซึ่งร่วมมือกับเจ้าแม่จุดธูปแหกตาทั้งหลาย
โดยปัญหาทั้ง 3 ข้อนี้ การเข้าถึงยาต้านไวรัสแบบทันท่วงทีนั้นสำคัญที่สุด เพราะร่างกายผู้ป่วยต้องการยา ถ้ารัฐบาลยืนยันว่ายานี้มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย และจำเป็นต้องให้แพทย์ตรวจก่อน จึงขอเสนอว่า
เมื่อตรวจ Rapid Antigen Test เสร็จแล้ว ควรให้ผู้ป่วยรอรับผล และจัดเตรียมทีมแพทย์ ณ จุดตรวจทุกแห่ง เพื่อประเมินอาการและจ่ายยาทันที แล้วค่อยกลับบ้าน ทั้งนี้ ควรอนุมัติการจ่ายยาดังกล่าวใน ‘คลินิกเอกชน’ ทุกแห่งซึ่งทำการตรวจเชื้อ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของหน่วยงานภาครัฐ และแบ่งเบาจำนวนผู้ป่วยของโรงพยาบาลต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล
ขอย้ำอีกครั้งว่าปัญหาในข้อ 1 และ 2 จะต้องถูกแก้แบบมัดรวมกันทีเดียว แล้วค่อยไปรอเตียงในขั้นตอนสุดท้ายต่อไป หากได้ยาตั้งแต่ในระยะเริ่มต้น อาการอาจดีขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลแล้วก็ได้**
อย่าให้เขากลับไปรอผลอีกหลายวัน แล้วกว่าจะติดต่อโรงพยาบาลได้ กว่าจะขอยาได้ ก็เชื้อลงปอดกันหมดเช่นในปัจจุบัน
โดยขณะที่เขียนโพสต์นี้ มีเคสที่ขอความช่วยเหลือมายังทีมของผมหลายราย ออกซิเจนต่ำ 70-60 อยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจ เมื่อสอบถามไปเขาบอกเพิ่งได้รับยามากินวันนี้เอง ซึ่งมันล่าช้าไม่ทันการแล้ว ถ้าฟลุ้คได้เตียงก็ไม่รู้จะรอดรึปล่า
สุดท้ายนี้ อยากฝากไปยังรัฐบาลว่าคิดอะไรก็ช่วยคิดให้มันเร็วๆหน่อย ทำผิดครั้งเดียวยังพอให้อภัยได้ ทำผิดซ้ำๆซากๆไม่รู้จะเอาเหตุผลอันไหนมาให้อภัย พยายามรับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนให้มากๆ อย่าเกรงใจพวกพ้องให้มันมากนัก คนไหนบริหารไม่ดีก็เอาออกไปซะบ้าง เอาคนใหม่ๆคนเก่งๆเข้ามาช่วยเยอะๆ ส่วนลุงตู่ต้องอ่านโซเชียลเยอะๆ อย่าฟังแต่ลูกน้องใกล้ตัว เพราะไม่อย่างนั้นจะไม่รับรู้ข้อเท็จจริงของโลกภายนอก ส่งผลให้แก้ไขปัญหาได้ชักช้า เหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ปล.ถ้าผลข้างเคียงมันไม่ได้อันตรายอะไรมาก ซึ่งก็มีหมอระดับประเทศหลายคนออกมาพูดแล้วว่าผลข้างเคียงมันไม่ได้ร้ายแรงนัก ก็อย่าไปตื่นตระหนกจนเกินเหตุ ทำให้มันกลายเป็นปัญหาที่ยุ่งยากแบบนี้เลย เชื้อลงปอดมามันอันตรายกว่าผลข้างเคียงที่กำลังกังวลอยู่เยอะแยะนัก !!
You must be logged in to post a comment Login