ช่อ พรรณิการ์ บุกสงขลา คุยการเมืองร้อนยุบพรรคก้าวไกล-ประชาชนคึกคักอยากลงสมัคร สว.ตัดวงจรอุบาทว์การเมือง
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า เมื่อวันที่ (21 เม.ย.67) คณะทำงานพรรคก้าวไกล สาขาจังหวัดสงขลา จัดงานเสวนาในหัวข้อ “นิติสงครามในสมรภูมิการเมืองไทย” โดยมีวิทยากรรับเชิญได้แก่ อธึกกิต แสวงสุข สื่อมวลชนอิสระ พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า และรอมฎอน ปันจอร์ สส. พรรคก้าวไกล
ในงานนี้ อธึกกิตได้กล่าวถึงการทำนิติสงครามในการเมืองตั้งแต่ยุคไทยรักไทย และพลังประชาชน ตอนนั้นเรียกกันว่า “ตุลาการภิวัตน์” มีการใช้คดีความต่อพรรคไทยรักไทย ยึดทรัพย์ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าไม่เป็นธรรมต่อคุณทักษิณ แต่ในวันนี้ หลังจากการกลับมาโดยเงื่อนไขพิเศษ สถานะผู้ถูกกระทำโดยนิติสงครามของคุณทักษิณก็ไม่มีความชอบธรรมในสายตาของประชาชนเท่ากับในอดีต ขณะเดียวกันสิ่งที่ปรากฏชัดเจนคือกระบวนการนิติสงครามที่กระทำต่อกลุ่มอนาคตใหม่-ก้าวหน้า-ก้าวไกล ซึ่งท้าทายต่ออำนาจของฝั่งอนุรักษ์นิยม จึงเป็นภัยคุกคามที่ต้องถูกกำจัดโดยการยุบพรรค-ตัดสิทธิ์ แต่การยุบพรรคจะไม่สามารถขัดขวางก้าวไกลจากการเติบโตได้
“ความล้มเหลวของระบบรัฐราชการรวมศูนย์ และความล้มละลายของเครือข่ายการเมืองที่อ้างใช้ศีลธรรม ที่สุดท้ายก็ไหลมารวมกันหมด กลายเป็นโอกาสของก้าวไกล
ในการเลือกตั้ง 66 และโอกาสนี้ยังไม่หมดไปหลังการเลือกตั้ง แม้จะยุบหรือไม่ยุบพรรคก็ตาม” อธึกกิตกล่าว
พรรณิการ์ กล่าวต่อว่า ประชาชนจำนวนมากมองว่าหากพรรคก้าวไกลถอยเรื่อง 112 ก็คงไม่ถูกยุบพรรค และได้เป็นรัฐบาลแล้ว แต่ตนขอย้อนอดีตให้พิจารณาว่า สมัยอนาคตใหม่ ไม่มีการแตะต้องกฎหมาย 112 แต่ธนาธรก็โดนสั่งให้พ้นจาก สส. ได้เข้าสภาเพียง 15 นาที เพราะคดีหุ้นสื่อ พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบเพราะคดีกู้เงินธนาธร เป็นที่มาของความ “งงทั้งแผ่นดิน” ว่าเงินกู้เท่ากับรายได้ได้อย่างไร
“หากท่านถามว่าจะทำอย่างไรเพื่อป้องกันการยุบพรรค คำตอบมีอย่างเดียว ไม่ใช่ถอยเรื่อง 112 แต่คือต้องแพ้เลือกตั้งค่ะ รอบหน้าก้าวไกลคงต้องได้สัก 30 เสียงพอ จะได้ไม่โดนยุบพรรค ที่อนาคตใหม่โดนยุบก็เพราะที่คิดกันว่าจะได้ 5-10 เสียง ดันได้มา 81 เสียง ที่พรรคก้าวไกลโดนคดียุบพรรค ก็มาโดนหลังจากชนะเลือกตั้งได้เป็นพรรคอันดับหนึ่ง เพราะเราท้าทายเขาได้ เรามีพลังที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง มีโอกาสบริหารประเทศ เราจึงเป็นภัยคุกคามของฝั่งที่กุมอำนาจและไม่อยากเสียอำนาจ กฎหมาย 112 เป็นเพียงข้ออ้างสร้างความชอบธรรม วันนั้นยุบไทยรักไทย อ้างว่าเพราะเป็นนักการเมืองโกง วันนี้ก้าวไกลไม่โกง เลยต้องเปลี่ยนข้อหา บอกว่าต้องยุบเพราะเป็นพวกล้มเจ้า ล้มล้างการปกครอง” พรรณิการ์กล่าว
ในวงเสวนา มีคำถามจากประชาชนว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ประชาชนต้องต่อสู้อย่างไร จะทำอะไรได้บ้าง ซึ่งพรรณิการ์กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องรอการเลือกตั้งใหญ่ ซึ่งอาจจะอีกหลายปี สิ่งที่ประชาชนทำได้ทันที คือการลงสมัคร สว. เปลี่ยนวุฒิสภาให้เป็นของประชาชน ปลดล็อกการแก้รัฐธรรมนูญ
ซึ่งก่อนมาสงขลา ตนเพิ่งได้อ่านข่าวว่า กกต. สงขลาถึงกับสายไหม้ เพราะมีคนโทรไปถามเรื่องการเลือกสว. กันเยอะมาก วันนี้พอดีได้พบเจ้าหน้าที่ กกต. มาร่วมฟังเสวนา ได้สอบถามดูก็พบว่าสายไหม้จริง คนโทรเข้ามาสอบถามกันเยอะ เพราะสนใจลงสมัคร ซึ่งถือเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งที่ประชาชนให้ความสำคัญกับการเลือกสว. แม้ระบบจะออกแบบมาเพื่อกีดกันประชาชนไม่ให้มีส่วนร่วม ด้วยค่าสมัคร 2,500 บาท และอายุ 40 ปีขึ้นไป แถมยังออกแบบระบบการเลือกที่สับสนวุ่นวาย ไม่มีประเทศไหนทำมาก่อน
แต่หากประชาชนเห็นว่าการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระ ไม่ว่าจะเป็นกกต. ปปช. หรือศาลรัฐธรรมนูญ วันนี้ยังไม่เป็นธรรม รับใบสั่งการเมือง นำไปสู่วังวนยุบพรรค-ตัดสิทธิ์ไม่รู้จบ ทางออกก็คือต้องช่วยกันทำให้มีสว. ของประชาชนให้ได้ สว. เหล่านี้จะได้เข้าไปสรรหาบุคคลที่เหมาะสม มาดำรงตําแหน่งในองค์กรอิสระเหล่านี้ ยุติวงจรอุบาทว์ของการทำนิติสงครามสกัดกั้นพรรคการเมืองที่ประชาชนเลือกมาเสียที
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS