‘ธีรรัตน์’ ชี้คนรุ่นใหม่คือพลัง แต่อำนาจนอกระบบกัดกินการเมืองทำประชาธิปไตยสะดุด ยันโซเชียลมีเดีย-งานพื้นที่ต้องทำคู่กัน เพราะเจ้านายคือ ปชช.
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรคเพื่อไทย ร่วมเวทีเสวนาสิงห์เขียวสัปดาห์วิชาการ ครั้งที่ 1 ในหัวข้อ ‘บทบาทของนักการเมืองรุ่นใหม่ กับการสื่อสารทางการเมืองในปัจจุบัน’ จัดโดยชุมนุมรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยนางสาวธีรรัตน์ กล่าวว่า คนรุ่นใหม่กับการเมืองเกิดขึ้นมานาน เมื่อดูจากประวัติศาสตร์การเมืองไทย ตั้งแต่ปี 2516 มีการทำกิจกรรมทางการเมืองของนักศึกษาเพื่อเรียกร้องให้มีการปกครองระบอบประชาธิปไตย และในท้ายที่สุดได้สร้างการเปลี่ยนแปลงในทางการเมืองจนมาถึงปัจจุบัน และสังเกตุได้ว่าในการเลือกตั้งปี 2562 มีคนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมกับนักการเมือง
เพราะคนรุ่นใหม่ถูกกดทับมาตั้งแต่การรัฐประหาร และต้องการแสดงความเห็นมากขึ้น ดังนั้น คนรุ่นใหม่คือพลังทางการเมืองที่พร้อมเปลี่ยนแปลงประเทศในอนาคต ซึ่งนักการเมืองที่ดีควรรับฟังเสียงประชาชนทุกกลุ่ม เพราะทุกเสียงมีความหมาย การใช้เครื่องมือโซเชียลมีเดียสื่อสารกับประชาชนทุกกลุ่มจึงถือเป็นเรื่องที่ตนให้ความสำคัญ ทั้งทวิตเตอร์ เฟสบุ๊ค อินสตาแกรม สามารถสื่อสารกับประชาชนได้ทั้งประเทศ หากมีการโจมตีทางโซเชียลมีเดียจากความเข้าใจผิด ควรอธิบาย และสร้างความเข้าใจอย่างถูกต้อง ขณะเดียวกันต้องลงพื้นที่พบปะ พูดคุย รับฟังปัญหากับพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องไปพร้อมกันด้วย
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาจากการรับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชน ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาที่ถูกสะท้อนผ่านหลากหลายช่องทางได้อย่างเป็นดี ทั้งการผลักดันผ่านสภาและการแก้ปัญหาเชิงพื้นที่ เช่น การผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียม กฎหมายประชามติที่ให้ผู้มีสิทธิ์ใช้สิทธิ์ออกเสียงสามารถเลือกตั้งในต่างประเทศได้ เช่นเดียวกับงานพื้นที่ลาดกระบัง ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำ ในเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งล่าสุดได้มีการตั้งกระทู้ถามสดในรัฐสภา และได้ทำหนังสือต่อกองทัพเรือเพื่อขอเรือผลักดันน้ำ เพื่อระบายน้ำลงสู่ทะเลให้เร็วที่สุด ส่วนการทำงานในฐานะฝ่ายค้าน ได้ทำการตรวจสอบรัฐบาล
และเสนอแก้ไขมาตรา 272 การตัดอำนาจ ส.ว.ชุดปัจจุบันที่ล้นเกินไป
นางสาวธีรรัตน์ กล่าวอีกว่า กติกาการเลือกตั้งในปี 2562 ที่ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว การคิดสัดส่วน ส.ส.พึงมี ด้วยการหาร 500 ทำให้เกิดพรรคเล็กพรรคน้อย 20 พรรคในสภา มีงูเห่า มีการแจกกล้วย ทำให้ไร้เสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งเราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก เป็นที่มาที่ทำให้พรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมกันผลักดันกติกาการเลือกตั้งด้วยบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ซึ่งเป็นเรื่องเดียวที่ผลักดันในสภาจนประสบความสำเร็จ เลือกพรรค 1 ใบ และ ส.ส.เขต 1 ใบ ทำให้เป็นการเลือกตั้งที่แสดงเจตนารมณ์ของประชาชนได้ตรงใจมากที่สุด เมื่อรวมเข้ากับการโหวตแบบมียุทธศาสตร์ เพื่อเอาชนะ ส.ว. 250 คน ในสภาตอนนี้ ต้องทำอย่างเข้มข้นและจริงจัง
ดังนั้นในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงขอให้พี่น้องประชาชนเลือก ส.ส. และพรรคที่ตรงใจมากที่สุด ในส่วนของพรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่ได้เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ภายใต้แนวคิด ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ เช่น ภายในปี 2570 เงินเดือนขั้นต่ำผู้จบปริญญาตรี จะอยู่ที่ 25,000 บาท ค่าแรงขั้นต่ำต่อวันอยู่ที่ 600 บาท ระบบ Earning Learning เรียนไปด้วยสร้างรายได้ให้ครอบครัวไปด้วย นโยบายด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (OFOS) หรือ 1 ครอบครัว 1 ศักยภาพ โดยผลักดันให้แต่ละครอบครัวมีพื้นที่สร้างรายได้ด้วยการสนับสนุนของภาครัฐไม่ว่าจะเป็น ตลาด หรือเงินทุนต่างๆ พร้อมกับกองทุนเถ้าแก่น้อย กองทุน SMEs ต่างๆ หรือแม้กระทั่งกองทุนสตรี และนโยบายด้านเกษตรกรที่มาเป็นแพ็คเกจหลากหลาย โดยขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและการตลาดสู่ต่างประเทศ
“พลังของคนรุ่นใหม่เกิดขึ้นมาตลอด แต่อำนาจนอกระบบเข้ามากัดกินพวกเราเสมอ แต่เราต้องเดินหน้าและพัฒนาความเข้มแข็งของประชาธิปไตย การใช้ช่องทางการสื่อสาร พบปะประชาชน เป็นพื้นฐานสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่ง และสิ่งที่สำคัญกว่าคือเราต้องฟัง เพื่อการพัฒนาที่ดีกว่า ข้าราชการที่ดีต้องมีประชาชนเป็นเจ้านาย เรามารับใช้ประชนไม่ใช่คนที่มาอยู่เหนือประชาชน เราเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับทุกคน” นางสาวธีรรัตน์ กล่าว