Politics
ศิริกัญญา ชี้ชัดแล้ว! ดิจิทัลวอลเล็ตเลื่อนไม่มีกำหนด ยังไม่แน่แจกกี่บาทกี่รอบ
Published
2 สัปดาห์ agoon
By
Admin Tojoศิริกัญญา เผยชัดแล้ว! ดิจิทัลวอลเล็ตเลื่อนไม่มีกำหนด ยังไม่แน่แจกกี่บาทกี่รอบ ระบบชำระเงินไม่เสร็จปลายปีนี้ ลุ้นต่อปีหน้า
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน รวบตึงเป็นกระทู้สดถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดย จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง รับหน้าที่ตอบแทน
รมช.คลังรับ เปลี่ยนแจกเงินสดกะทันหัน เพราะหวั่นถูก “ร้อง” ทำผิดกฎหมาย
ศิริกัญญาเริ่มต้นคำถามแรก โดยระบุว่าจากที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จากการแจกเงิน 10,000 บาทผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัลมาเป็นการแจกเงินสดผ่านพร้อมเพย์ หรือโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ แต่โครงการดังกล่าวมีความเร่งรีบและสร้างความสับสนแก่ประชาชนอย่างมาก
ในช่วงก่อนหน้านี้ไม่ถึงเดือนเศษ ทั้งรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังยังคงยืนยันหนักแน่นในการดำเนินโครงการดิจิทัลอย่างไม่สะดุดแม้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาล แต่พอเปลี่ยนรัฐบาลได้ไม่เท่าไหร่ก็สะดุดทันที ต่อมามีหลายคนออกมาพูดว่าโครงการจะเปลี่ยนเป็นการแจกให้กลุ่มเปราะบางก่อนและจะแจกเป็นเงินสด แต่ก็ไม่มีใครแจ้งกลุ่มเปราะบางทั้งผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการเลยว่าจะแจกเงินสดนี้อย่างไร จนมาประกาศจริงๆ ก็คือในวันที่ 13 กันยายน 2567 ที่ระบุว่าให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ไม่ได้ผูกบัญชีกับพร้อมเพย์ 2 ล้านคนรีบไปผูกบัญชี
จนนำไปสู่ปรากฏการณ์ที่ประชาชนแห่ไปธนาคารตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา เพระรัฐบาลประกาศอย่างกระชั้นชิด ทำให้มีคำถามว่าอะไรคือสาเหตุที่ต้องรีบร้อนจ่ายให้ทันวันที่ 30 กันยายน 2567 โดยที่ทั้ง รมว. และ รมช.กระทรวงการคลัง ต่างออกมายืนยันว่าไม่มีปัญหาเรื่องกฎหมาย แต่ต้องรีบแจกเพราะเศรษฐกิจไม่ดี
แต่ขณะเดียวกัน รมช.คลัง ก็บอกว่าเศรษฐกิจเริ่มดี ผงกหัวขึ้นแล้วเลยไม่ต้องแจกเยอะ จนประชาชนก็เริ่มสงสัยแล้วว่าตกลงเศรษฐกิจเป็นอย่างไรกันแน่ ต้องดูดัชนีหรือเครื่องชี้ตัวไหนที่จะบอกว่าต้องกระตุ้นภายใน 30 ก.ย. ทั้งๆ ที่ควรกระตุ้นตั้งแต่เมื่อ 6 เดือนที่แล้ว แถมไปกระตุ้นให้ผลตกในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นซึ่งการบริโภคภายในประเทศดีอยู่แล้ว
“อยากทราบสาเหตุจริงๆ ว่าทำไมรัฐบาลต้องรีบร้อนจ่ายเงินให้ได้ภายในวันที่ 30 กันยายน จุดเปลี่ยนคืออะไร รู้ตัวตอนไหนว่าต้องแจกเงินสด ทำไมไม่รีบแจ้งประชาชนให้ผูกพร้อมเพย์ แม้เข้าใจว่าต้องมีมติ ครม. เห็นชอบก่อน แต่เมื่อมติ ครม. ออกมาล่าช้าแบบนี้ทำไมถึงไม่ขยายการลงทะเบียนและการแจกเงินให้เลยวันที่ 30 กันยายนเป็นต้นไป ถ้าไม่ใช่เพราะปัญหาข้อกฎหมาย”
เป็นเพราะรัฐบาลรู้ตัวมาก่อนตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน 2567 ใช่หรือไม่ เพราะในวันนั้นเอกสารที่เข้า ครม. สำนักงบประมาณได้ตั้งข้อสังเกตไว้แล้วว่า ถ้าจะใช้งบประมาณเพิ่มเติมของปี 2567 การแจกเงินต้องแจกให้ทันภายในวันที่ 30 กันยายน 2567 และยังเสนอด้วยว่าให้แจกให้กับกลุ่มเปราะบางที่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14.98 ล้านคนก่อนเป็นโอกาสแรก
ถ้าไม่ได้รีบร้อนต้องทำตามกฎหมาย ทำไมถึงไม่ใช้แอปเป๋าตังที่อย่างน้อยสามารถระบุเงื่อนไขต่างๆ จำกัดประเภทสินค้า ร้านค้าขนาดเล็ก และพื้นที่ให้ตรงกับวัตถุประสงค์และแนวทางการทำงานอย่างที่รัฐบาลเคยแถลงข่าวไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า จะกักเงินเอาให้หมุนเอาไว้หลายๆ รอบก่อนก็ยังได้
ถ้าไม่ใช่เหตุผลด้านข้อกฎหมายแล้ว ตกลงดัชนีเครื่องชี้ตัวไหนที่เพิ่งเปลี่ยนจนทำให้รอหลัง 30 กันยายนไม่ได้ ทำให้รัฐบาลเปลี่ยนใจจนทุกคนต้องเร่งร้อนไปเร่งรัดประชาชน ให้ต้องรีบไปธนาคารเพื่อผูกกับพร้อมเพย์โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้าในเวลาที่มากเพียงพอ
ต่อคำถามประการแรก จุลพันธ์ระบุว่าที่การแจ้งรายละเอียด โดยเฉพาะการผูกพร้อมเพย์เป็นไปโดยล่าช้า ก็เพราะรัฐบาลต้องการให้เกิดความมั่นใจจากกระบวนการราชการก่อน ทั้งการเข้าคณะรัฐมนตรีและการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ทำให้ประกาศก่อนทำไม่ได้ เพราะยังไม่มีความชัดเจนถ้าไม่ดำเนินตามขั้นตอนทางกฎหมายให้ครบถ้วน
ส่วนเรื่องสถานการณ์ทางเศรษฐกิจนั้น ปัจจุบันดูดีขึ้นหลังการทำงานของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ที่ผ่านมา เริ่มมีสัญญาณบวกในหลายด้าน ทั้งการท่องเที่ยว การลงทุนจากต่างชาติ แม้ปัญหาปัจจุบันจะมีอยู่ ทั้งการที่ประเทศไทยพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก ค่าเงินในขณะนี้ก็มีปัญหา แต่การรักษาโมเมนตัมทางเศรษฐกิจที่ต้องเดินหน้าไปก็เป็นปัจจัยสำคัญที่รัฐบาลได้นำมาพิจารณา จึงมีการตัดสินใจร่วมกันให้ปรับเปลี่ยน จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตมาเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฟสแรกจะกระตุ้นโดยไม่ได้ใช้วอลเล็ต แต่ในเฟสถัดไปรัฐบาลก็ยังยืนว่าในกลุ่มที่เหลือจะมีการเดินหน้าในการทำดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อประเทศจะได้วางรากฐานด้านดิจิทัลต่อไป
ส่วนการเร่งรีบให้ทันวันที่ 30 กันยายนนั้นเป็นเรื่องข้อกฎหมายหรือไม่ แม้ทั้งกฤษฎีกา และสำนักงบประมาณจะยืนยันว่าสามารถดำเนินการได้โดยผูกพันข้ามปี และรัฐบาลก็มีความเชื่อมั่นว่าสามารถดำเนินการได้
แต่รัฐบาลก็ไม่อยากให้มีปัญหาเกิดขึ้นจากการร้อง รัฐบาลพยายามจำกัดในเรื่องของความเสี่ยงต่างๆ เพราะถ้ามีการร้องขึ้นมา นั้นไม่ใช่แค่ความเสี่ยงของรัฐบาลเท่านั้น แต่จะกระทบความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งหมดจากความไม่มีเสถียรภาพ ที่จะทำให้เกิดความไม่มั่นใจในการใช้สอยและลงทุน
คอนเฟิร์มดิจิทัลวอลเล็ต เลื่อนไม่มีกำหนด ยังไม่ชัดแจกกี่บาทกี่รอบ
ต่อมาศิริกัญญาได้ถามกระทู้ในรอบที่สอง โดยระบุว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นเรื่องของความเชื่อมั่นก็จริง แต่การไม่สามารถรักษาคำพูดก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ความเชื่อมั่นของประชาชนลดลง เช่น ประชาชนกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟนแต่ไม่ใช่กลุ่มเปราะบางที่ถูกหลอกให้ไปลงทะเบียนเก้อ ที่เมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมารัฐบาลยังย้ำกำหนดการเดิมว่าผู้ไม่มีสมาร์ทโฟนให้ลงทะเบียนระหว่าง 16 กันยายน-16 ตุลาคม
แต่สัปดาห์ต่อมาก็มีการเลื่อนการลงทะเบียนของผู้ไม่มีสมาร์ทโฟนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งกว่าจะเป็นข่าวก็เป็นวันที่ 14 กันยายนไปแล้ว ทำให้ประชาชนไม่ทราบข่าวการเลื่อน โดยที่ปัจจุบันก็ยังไม่มีกำหนดการที่มีความชัดเจนแน่นอน ซึ่งทาง รมช.คลัง ระบุว่าเป็นเพราะต้องการให้ไม่มีการทับซ้อนกัน ระหว่างการลงทะเบียนของผู้ไม่มีสมาร์ทโฟนกับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่ตนขอถามว่าลงทะเบียนซ้อนไปแล้วจะเป็นอะไร เพราะในฐานข้อมูลรัฐบาลสามารถจำแนกได้อยู่แล้วว่าใครซ้ำซ้อนหรือไม่ การลงทะเบียนยืนยันสิทธิของตัวเองสำหรับประชาชนคือความเชื่อมั่น แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้มีการประกาศว่าจะให้ประชาชนที่ไม่มีสมาร์ทโฟนไปลงทะเบียนได้อีกครั้งเมื่อไหร่
ยังไม่นับร้านค้าที่รอลงทะเบียนวันที่ 25 กันยายน จะมีการเลื่อนอีกหรือไม่ เพราะร้านค้าต้องเตรียมตัวอย่างมากตามเงื่อนไข ทั้งการซื้อซิมรายเดือนมาเปิดบัญชี การเข้าระบบภาษีต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม สรุปจะมีการเลื่อนหรือไม่อย่างไร
คำถามก็คือตกลงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตดั้งเดิมจะแจกเมื่อไหร่ กี่คน กี่ครั้ง และกี่บาทกันแน่ การเลื่อนครั้งนี้จะเป็นการเลื่อนแบบไม่มีกำหนดหรือไม่ กำหนดการลงทะเบียนต่างๆ จะเลื่อนไปถึงเมื่อไหร่ หรือถ้าต้องดูสถานการณ์ตัวชี้วัดต่างๆ ก็ช่วยระบุให้ชัดเจนด้วย ไม่เช่นนั้นประชาชนที่รอคอยก็จะต้องเกิดความหวังลมๆ แล้งๆ ว่าจะได้เงิน 10,000 บาท ทำให้การอุปโภคบริโภคไม่คล่องตัวหรือทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นที่จะออกไปใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ หากนับรวมตอนนี้น่าจะมีคนที่มีสิทธิทั้งกลุ่มเปราะบางและไม่เปราะบางราว 40 ล้านคน จำนวนเงินที่มีอยู่ตอนนี้อยู่เพียงพอที่ราว 34 ล้านคนเท่านั้นเอง อยากถามว่าในท้ายที่สุดเพื่อให้เกิดความมั่นใจกับประชาชนว่าจะได้เงินแน่นอน แหล่งที่มาของเงินจะมาจากไหนกันแน่ เพราะตอนนี้รัฐมนตรีหลายท่านก็ออกมาพูดออกมาแล้วว่าจะไม่ใช้งบกลางเงินสำรองใช้จ่ายฉุกเฉินจำเป็น
จุลพันธ์ตอบในประเด็นนี้ว่า ขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนแล้ว 36 ล้านคน ยังไม่ได้คัดกรองเพราะมีกระบวนการอีก 1-2 อย่าง ส่วนในกลุ่มผู้ไม่มีสมาร์ทโฟนนั้น ปลัดกระทรวงการคลังได้เคยให้ตัวเลขไว้นานแล้ว กะว่าไม่เกิน 4 ล้านราย อย่างไรก็ตาม 4 ล้านนี้หากพิจารณาโดยหลักพื้นฐานโดยมากก็คือคนในกลุ่มเปราะบาง เมื่อแจกกลุ่มเปราะบางไปแล้ว แนวโน้มคือ 4 ล้านคนจะเหลือไม่มากอย่างมีนัยสำคัญ ก็จะลดภาระประชาชนในกลุ่มที่ต้องเดินทางมาลงทะเบียนไปอีกส่วนหนึ่ง
สิ่งที่ต้องดำเนินการคือหลังตรวจสอบสิทธิจาก 36 ล้านรายอาจจะเหลือ 34-35 ล้านราย เมื่อปิดยอดหักจากรายชื่อที่ได้รับเงินจากกลุ่มเปราะบางก็จะได้ตัวเลขสุดท้าย ก็จะสามารถบริหารจัดการด้วยงบประมาณที่มีอยู่ได้ หากขาดเหลือไม่มากก็เติมให้ครบได้ในครั้งเดียวหากเป็นประโยชน์กับการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือถ้าเกิดมีจำนวนมากก็ยังมีแนวทางในการแบ่งยอด แม้ประชาชนบางส่วนอาจไม่พอใจแต่ก็ต้องมองถึงประโยชน์ที่เกิดกับประเทศเป็นหลัก
ระบบชำระเงินไม่เสร็จปลายปีนี้ ลุ้นต่อปีหน้า
ศิริกัญญาถามต่อในรอบสุดท้าย ว่าอย่างที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังย้ำหลายครั้งถึงวัตถุประสงค์ของโครงการในการทำให้เกิดเศรษฐกิจดิจิทัล แต่หัวใจสำคัญของเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของแอปทางรัฐ แต่คือดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งจะเกิดขึ้นได้จากระบบการชำระเงิน
แต่จากสถานการณ์ในปัจจุบัน ระบบการชำระเงินที่ต้องมีการออกแบบให้เป็น open loop และเป็นบล็อกเชน เพิ่งถูกยกเลิกการประกวดราคาไปเมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา เนื่องจากไมมีบริษัทไหนเข้ามาเสนอราคาแม้แต่บริษัทเดียว เนื่องจากบริษัทที่พัฒนาร่วมกันมาตัดสินใจถอนตัว เท่ากับว่าในวันนี้ ระบบการชำระเงินยังไม่ได้เริ่มมีการประกวดราคาอีกครั้ง ธนาคารพาณิชย์ต้องใช้เวลาล่วงหน้าในการพัฒนาระบบเป็นหลักปีในโครงการทั่วไป แต่โครงการนี้ยังไม่มีอะไรเป็นรูปธรรม สรุปแล้วเศรษฐกิจดิจิทัลที่รัฐบาลพูดถึงจะเป็นอย่างไร
ศิริกัญญาถามต่อไป ว่าอีกประเด็นที่อาจเป็นอุปสรรคที่จะทำให้ประเทศไม่เกิดเศรษฐกิจดิจิทัลที่มาจากดิจิทัลวอลเล็ต ก็คือปัญหาจากความยินยอมของประชาชน เพราะเข้าใจว่าตอนที่ประชาชนลงทะเบียนไม่ได้มีการขอความยินยอมให้รัฐบาลเข้าถึงข้อมูลบัญชีเงินฝากของประชาชนแต่ละคนได้ สุดท้ายรัฐบาลจะต้องไปใช้อำนาจของคณะกรรมการ PDPA มายกเว้นแทนแล้วขอธนาคารพาณิชย์เข้าไปดูข้อมูลบัญชีเงินฝากหรือไม่ แต่เข้าใจว่าธนาคารพาณิชย์เองก็ไม่อยากเสี่ยงไปกับรัฐบาล นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลหรือไม่ที่ทำให้การประกาศผู้มีสิทธิต้องเลื่อนออกไปจากวันที่ 22 กันยายนอย่างไม่มีกำหนด
คำถามคือสรุปแล้ว ด้วยปัญหาหัวใจของระบบการชำระเงินที่ยังมีความไม่แน่นอน รัฐบาลยังยืนยันไทม์ไลน์เดิมในการสร้างระบบการชำระเงินว่าจะเสร็จภายในปีนี้หรือไม่ ถ้าเสร็จแล้วจะแจกเป็นดิจิทัลวอลเล็ตอยู่หรือไม่ และสุดท้ายอยากให้รัฐบาลวาดภาพให้เห็นหน่อยว่าระบบการชำระเงินนี้จะทำให้ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลเกิดขึ้นได้อย่างไร สรุปแล้วกระเป๋าเงินดิจิทัลจะถูกใช้กันอย่างแพร่หลายต่อจากนี้ไปหลังหมดโครงการนี้ในโอกาสใดบ้าง และจะนำไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลแบบใด
ทางด้านจุลพันธ์ได้ตอบคำถามในรอบสุดท้าย โดยระบุว่าผู้ดูแลระบบชำระเงินปัจจุบันคือสำนักงานรัฐบาลดิจิทัล (DGA) อย่างไรก็ตามเคยมีการพูดกันในสังคมว่ากระบวนการจัดซื้อจัดจ้างมีการล็อก แต่พอกระบวนการออกมาจริงไม่มีการคัดเลือกล่วงหน้า โปร่งใสทุกประการ จึงมีการเลื่อนกระบวนการในการประมูลไป ส่วนเรื่อง open loop หรือการเชื่อมต่อกับธนาคารพาณิชย์ยังเป็นภาพที่รัฐบาลมองไว้อยู่ แต่ที่เลื่อนไปเพราะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ที่รัฐบาลรักษาการไม่มีอำนาจในการทำข้อตกลงกับธนาคารใด
ส่วนเรื่องความหวังต่อเศรษฐกิจดิจิทัลนั้น รัฐบาลยืนยันว่าต้องเริ่มจากความคุ้นชินของประชาชน ที่ผ่านมาไม่เคยมีแอปไหนในประเทศไทยที่เป็นของรัฐที่จะดึงคนเข้ามาได้ถึง 36 ล้านคนภายในเวลาแค่หนึ่งเดือน นี่คือข้อมูลกลางที่จะเป็นประโยชน์กับภาครัฐในการกำหนดนโยบายเป็นอย่างยิ่ง กระบวนการในการพัฒนาระบบชำระเงินเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีความคิดว่าจะมีการทดลองแซนด์บ็อกซ์ในการจ่ายชดเชยน้ำท่วม ยิงเงินไปยังประชาชนในกลุ่มที่รัฐบาลกำหนดตามแนวนโยบายของรัฐได้
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS