เต้น ณัฐวุฒิ ประกาศยุติบทบาทผอ.ครอบครัวเพื่อไทย รับผิดชอบจุดยืนที่ได้ยืนยันมา
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า จากกรณีพรรคเพื่อไทยประกาศจับมืออย่างเป็นทางการกับพรรคภูมิใจไทย และพรรครวมไทยสร้างชาติ รวมถึงมีกระแสข่าวว่าพรรคพลังประชารัฐจะยกมือโหวตนายกฯ ให้แคนดิเดตพรรคเพื่อไทย เกิดเสียงวิจารณ์อย่างรุนแรงจากประชาชนบางส่วน เนื่องจากไม่พอใจที่พรรคเพื่อไทย เคยปราศรัยไว้ตอนหาเสียงว่าจะไม่จับมือกับพรรคลุง รวมถึงเพื่อไทยเคยมีแคมเปญ ไล่หนูตีงูเห่าอีกด้วย หลายเสียงจึงวิจารณ์ว่าเพื่อไทยตระบัดสัตย์กับประชาชน รวมถึงจับตาไปยังแกนนำของพรรคเพื่อไทย อย่าง นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตพรรคเพื่อไทย หรือ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ที่เคยประกาศไว้ว่าจะรับผิดชอบหากพรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรค 2 ลุงตามข่าวลือที่เกิดขึ้นช่วงหาเสียง
โดยล่าสุด 21 ส.ค.66 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ออกรายงานกรรมกรข่าว คุยนอกจาก ที่มีนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา และ นางสาวพิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ เป็นผู้ดำเนินรายการ พร้อมประกาศตอนเริ่มรายการว่า ถึงเวลาที่ผมต้องบอกกับผู้คนว่า ผมขอยุติบทบาทของผู้อำนายการครอบครัวเพื่อไทยตั้งแต่บัดนี้ และขอไปขายข้าวแกง ซึ่งเรื่องนี้ตนเองได้บอกกับผู้ใหญ่ในพรรคตั้งแต่ 3 ส.ค. หรือตั้งแต่ช่วงที่มีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะเริ่มจับมือกับพรรคการเมืองบางพรรค ซึ่งตนได้ยืนยันไปว่าหากถึงจุดนั้น คงอยู่กับพรรคไม่ได้ จนเหตุการณ์ดำเนินมาเรื่อยๆ ถึงวันที่ 12 ส.ค. ตนได้ตัดสินใจบอกนายเศรษฐา อุ๊งอิ๊ง ผู้ใหญ่ในพรรค รวมถึงโทรหานายทักษิณ ว่าคงจะอยู่ในพรรค รวมถึงกระบวนการของรัฐบาลไม่ได้
นอกจากนี้นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวว่า ตนได้ถามบุคคลสำคัญในพรรค ถึงเรื่องการโหวตนายกฯ ของเศรษฐา ซึ่งก็ได้มีการยืนยันว่า เศรษฐาผ่านโหวตนายกฯ แน่นอน เศรษฐาปลอดภัยแล้ว ส่วนเรื่องการกลับบ้านของนายทักษิณ ไม่เกี่ยวข้องกัน
เมื่อทางสรยุทธถามเพิ่มเติมว่า อันนี้ไม่ใช่ละครใช่ไหม ทำทีอยากไปแต่จริงๆยังอยู่ นายณัฐวุฒิตอบว่า ผมเป็นผมครับ นักเลงไม่ทำแบบนี้ ยืนยันว่ายุติบทบาท ไม่ร่วมกิจกรรมกับพรรค ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคด้วย ซึ่งเหตุผลสำคัญมาจากการที่เพื่อไทยตั้งรัฐบาลโดยมีพรรค 2 ลุง อย่างไรก็ตาม ตนเข้าใจและเห็นใจเพื่อไทยอย่างยิ่ง ด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่วิถีการเมืองแบบตนนั้น เมื่อได้ประกาศจุดยืนการเมืองกับประชาชน ก็แสดงจุดยืนมาตลอด จะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ได้ยืนยันมา นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นเรื่องมีรอยในใจ ผมเกิดและสู้ที่นี่ แล้วคนในบ้านก็พี่น้องผมทั้งนั้น แต่ถึงเวลาก็ต้องตัดสินใจ ซึ่งเป็นการตัดสินใจยากมาก
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS