“อี้ แทนคุณ”ย้อนถาม”จะให้เลือกตั้งทำไม ถ้าคุณยังถือหุ้นสื่อ”ชี้ “พิธา”ควรโทษตัวเองหยุดปลุกปั่น-สร้างความแตกแยกหลังชวดนั่งนายกฯ
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า ดร.แทนคุณ จิตต์อิสระ รักษาการประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคระหว่างเพศ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุมรัฐสภาที่ถกกันกว่า 7 ชั่วโมงโดยผลโหวตไม่สามารถเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์เป็นนายกรัฐมนตรีได้อีกครั้ง
และหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7:2 รับคดีที่ กกต.ร้องให้วินิจฉัยคุณสมบัติส.ส.นั้น เกิดจากเหตุเพราะนายพิธา ขาดธรรมาภิบาลในตัวเอง เป็นคน “ทุศีล” มีมลทิน รู้ทั้งรู้ว่าห้ามถือหุ้นสื่อ Itv ที่ยังคงสถานะความเป็นหุ้นสื่ออยู่ แต่ก็จงใจฝ่าฝืนกฎหมาย หรือเป็นเพราะเชื่อกุนซือด้านกฎหมายคนเดียวกันที่เคยแนะนำนายธนาธรจนเป็นเหตุให้เจริญรอยตามกันใช่หรือไม่ ทั้งการสิ้นสมาชิกภาพ ถูกตัดสิทธิและถูกดำเนินคดีอาญามาตรา 151 อันเป็นวิบากกรรม ที่นายพิธา ทำตัวเองล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับใครคนอื่นเลย หากจะโทษจงโทษตัวเองที่ไม่รอบคอบพอและตีความกฎหมายตามใจตนเอง
และควรหยุดนำมาสร้างวาทกรรมโจมตี ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชังกันในหมู่ประชาชน เกลียดชังองค์กรอิสระและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ต้องทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ โดยควรให้สติให้ปัญญาในการเคารพกฎหมายไม่ใช่เป็นฝ่ายออกกฎหมายแต่กลับทำลายกฎหมายเสียเอง
ขอย้ำประเทศไทยเป็น”นิติรัฐ” ไม่ใช่”นิติด้อมส้ม” มีกฎหมายไม่ใช่กฎหมู่ และประชาชนตาสว่างเยอะแล้วหลังจับโป๊ะ เครือข่ายก้าวไกลและพวกใช้ IOหรือปฎิบัติการทางข้อมูลข่าวสารคุกคามกระบวนการยุติธรรม
ศาล กกต. ส.ว.และคนเห็นต่างแบบล่าแม่มด
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นวิบากกรรมที่นายพิธา หลอกตัวเองมาตลอดว่าตนไม่ผิด
“ผมจึงขอเตือนสตินายพิธาว่า ควรใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ กลับใจสำนึกในความผิดที่ตนก่อไว้อย่าสร้างกรรมเพิ่มและสำนึกในบุญคุณประเทศชาติบ้านเมืองทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีในการเคารพกฎหมายไม่ด้อยค่าประเทศ ไม่ด้อยค่าสถาบันหลักของชาติ หยุด “โทษคนอื่น”ให้คนเข้าใจผิดเพื่อสร้างความแตกแยกในสังคม
และพิจารณาตนเองว่าคุณทำผิดอะไรบ้าง รู้ทั้งรู้ว่าคุณทำในสิ่งที่กฎหมายหัามไว้ แล้วจะให้มีเลือกตั้งไปทำไม คุณมีการไปรับรองผู้สมัคร ส.ส.ในฐานะหัวหน้าพรรคทำไม ให้ต้องเสียเวลาสภาสองวันทำไม และสุดท้ายโทษคนอื่นทำไม ทั้งหมดนี้ หากเกิดความเสียหายต่อบ้านเมืองคือต้นทุนที่แท้จริงที่นายพิธาและพรรคก้าวไกลต้องจ่าย”