สนธิรัตน์ เผย พรรคสร้างอนาคตไทยเปิดตัวมา 2 เดือน เตรียมพร้อมแล้วประมาณ 50% พื้นที่ กทม.ได้ว่าที่ผู้สมัครแล้วราวครึ่งหนึ่ง โดยพร้อมส่ง ผู้สมัคร ส.ส.ครบ 400 เขต
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ แกนนำและผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย นัดพบปะสื่อมวลชนเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อประเด็นสถานการณ์ด้านพลังงานของประเทศ ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยช่วงหนึ่งผู้สื่อข่าวถามถึงความพร้อมในการเข้าสู่สนามเลือกตั้งว่า ทราบว่าขณะนี้การพิจารณาร่างกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้ง และพรรคการเมือง ใกล้จะเสร็จแล้ว ซึ่งเบื้องต้นการเลือกตั้งครั้งหน้าจะใช้กติกาบัตร 2 ใบ โดยพรรคมีความตั้งใจที่จะส่งผู้สมัคร ส.ส.เขตครบทั้ง 400 เขตทั่วประเทศ ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ในการเก็บคะแนนในส่วนของบัญชีรายชื่อด้วย เว้นแต่เขตใดหาผู้ที่มีความเหมาะสมไม่ได้จริงๆ ทั้งนี้ทางพรรคใช้เวลาในการพิจารณาในส่วนของว่าที่ผู้สมัครพอสมควร โดยพยายามเน้นคนรุ่นใหม่ที่จะเข้าสู่การเมือง และต้องไม่มีประวัติด่างพร้อย เพราะอยากให้ประชาชนมีตัวเลือกใหม่ๆ ไม่ติดกับโครงสร้างทางการเมืองเดิมๆ
“หลังจากที่พรรคได้เปิดตัวมาราว 2 เดือน ก็ได้ดำเนินการเตรียมพร้อมในพื้นที่เป้าหมายแล้วประมาณ 50% อย่างในพื้นที่ กทม.ก็ได้ว่าที่ผู้สมัครที่มีความพร้อมแล้วราวครึ่งหนึ่ง”
เมื่อถึงความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยที่วางเป้าหมายชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ และคาดว่าจะวางตัว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นแคนดิเดต นายกฯในการเลือกตั้งครั้งหน้าด้วย นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า แต่ละพรรคย่อมมียุทธศาสตร์และจุดขายในการดำเนินการทางการเมืองที่แตกต่างกัน เพื่อให้ได้ ส.ส.มากที่สุด กรณี น.ส.แพทองธาร ก็เป็นยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งคงจะไปวิพากษ์วิจารณ์ข้ามพรรคไม่ได้ หน้าที่ของเราคือเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด ในส่วนของพรรคสร้างอนาคตไทยก็ได้เน้นย้ำว่า เราเป็นพรรคที่ต้องการเข้ามาเป็นตัวเลือกที่จะเป็นทางออกในการแก้ไขปัญหาของประเทศ ไม่ได้เกิดมาเพื่อเพื่มความแตกแยกให้กับสังคมไทย และตั้งใจที่จะมีส่วนในการสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในประเทศ
“ที่พรรคสร้างอนาคตไทยมีความพร้อมมากที่สุด คือในส่วนของทีมเศรษฐกิจ บุคลากรด้านเศรษฐกิจมืออาชีพ ที่จะทยอยเปิดตัวในอนาคต รวมถึงด้านนโยบายของพรรคที่เป็นจุดแข็งของพรรค โดยประเมินแล้วว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ปัญหาเศรษฐกิจจะเป็นประเด็นสำคัญ” นายสนธิรัตน์ กล่าว
นายสนธิรัตน์ กล่าวต่อว่า พรรคสร้างอนาคตไทย จะมีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ในช่วงต้นเดือน เม.ย.65 โดยคาดว่าจะเป็นสัปดาห์ก่อนเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งจะมีความชัดเจนในส่วนของการวางตัวกรรมการบริหาร และบุคลาลากรด้านต่างๆของพรรค ส่วนแคนดิเดตนายกฯนั้นขณะนี้ถือว่ายังมีเวลา ซึ่งทุกพรรคก็ยังไม่มีใครเปิดตัว เพราะยังไม่ถึงเวลา
“คุณสมบัติของแคนดิเดตนายกฯของพรรคสร้างอนาคตไทย มี 3 ข้อหลัก คือ 1.ต้องมีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาของประเทศได้ 2.ต้องมีประวัติการทำงานที่โปร่งใสตรวจสอบได้ และ 3.มีความสามารถในการแข่งขันในระดับประเทศ เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ” นายสนธิรัตน์ กล่าว
เมื่อถามถึงแนวโน้มการยุบสภาที่คนในรัฐบาลระบุว่าจะเป็นช่วงปลายปี 2565 หลังการประขุมเอเปกที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า อำนาจยุบสภาเป็นของนายกฯ คงไม่สามารถคาดการณ์ได้ อย่างไรก็ตามพรรคมีการเตรียมความพร้อมตลอดเวลาหากเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ยุบสภาเมื่อใดก็พร้อมลงเลือกตั้ง
ในช่วงท้าย นายสนธิรัตน์ ยังได้กล่าวอวยพรเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 68 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีด้วยว่า อยากให้นายกฯมีความเข้มแข็ง มีสุขภาพกายใจที่ดี และประสบความสำเร็จในการนำพาประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤต ขอเป็นกำลังใจให้นายกฯ ส่วนอนาคตจะมีโอกาสกลับไปร่วมงานกับ พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่นั้น ต้องดูการตัดสินใจของพี่น้องประชาชน ผลการเลือกตั้งจะเป็นตัวบ่งชี้ เพราะต้องเคารพการตัดสินใจของพี่น้องประชาชน
เมื่อถามว่า ส่วนตัวมองว่า น.ส.แพทองธารจะเป็นนายกฯได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า อนาคตเป็นได้อยู่แล้ว ใครที่มีความตั้งใจให้กับบ้านเมืองเป็นได้หมด ตนเห็นน้องเขาตั้งแต่ตามคุณพ่อไปประชุมนานาชาติ สมัยเขาอายุ 15-16 ปี ต่อข้อถามว่า หากมองว่าดีเช่นนี้ อนาคตจะร่วมงานกันได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เอาไว้เป็นเรื่องของอนาคต
เมื่อถามว่า มีโอกาสใช่หรือไม่ที่จะเกี่ยวดองกันระหว่างครอบครัว ภท.กับพรรคเพื่อไทย นายอนุทิน กล่าวติดตลกว่า “ต้องครอบครัวเดียว มีหลายบ้านไม่ได้ มีหลายบ้านแล้วหัวแตก ทุกอย่างจะจบที่ผลการเลือกตั้ง”
เมื่อถามย้ำว่า หากผลการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์เกิน 250 ที่นั่ง นายอนุทิน กล่าวว่า เขาก็ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว
เมื่อถามอีกว่า แล้วจะไปร่วมหรือไม่ นายอนุทิน ย้อนว่า “จะเป็นได้อย่างไร หากเขาได้ 250 เขาก็เป็นคนกำหนด ถ้าไม่ถึง 250 แล้วไม่ถึงเท่าไหร่ ดังนั้น ทุกอย่างต้องรอผลการเลือกตั้ง สิ่งสำคัญตอนนี้อย่าไปคิดว่ารวมกับใคร รวมเมื่อไหร่ แต่ต้องคิดว่าจะมีนโยบายอะไรที่ออกมาแล้วประชาชนเลือก”
เมื่อถามว่า ประเมินว่า เลือกตั้งครั้งหน้า ภท.จะติด 1 ใน 3 อันดับแรกหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องถามประชาชน หากเลือกได้ก็เลือกอันดับ 1 แต่มันเลือกไม่ได้ ต้องให้ประชาชนตัดสิน ชีวิตทางการเมืองของนักการเมือง พรรคการเมือง อยู่ที่ประชาชน ก็ต้องทำงาน
เมื่อถามว่า มีคนออกมาเตือน น.ส.แพทองธารว่า จะตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกับพ่อและอา อยากเสนอแนะอะไรหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มุ่งมั่นตั้งใจทำให้กับบ้านเมืองด้วยเจตนาสุจริต เจตนาทำคุณประโยชน์ให้กับประชาชนและบ้านเมือง ยิ่งกว่า มีเกราะป้องกัน ประชาชนจะป้องกันคุณเอง
เมื่อถามว่า การระบุว่า การร่วมมือเป็นเรื่องของอนาคตนั้น ระหว่างนายทักษิณ กับนายเนวิน ชิดชอบ เรื่องที่ค้างคาจบแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าไม่ได้มีอะไร ที่เป็นข่าวเป็นการวิเคราะห์และประเมินของสื่อ ของคนที่อยู่นอกเวที คนที่อยู่ในเวทีการเมืองเขาบอกแล้วว่าไม่มีมิตรแท้ ศัตรูถาวร เราขัดแย้งกันได้ เห็นไม่ตรงกันได้ เดินคนละเส้นทางกันได้ แต่ทางส่วนตัวเราไม่ทำร้ายกัน ไม่เกลียดกัน หลังๆ มีแนวทางนี้ เราต้องดึงกลับไปให้ได้ การเห็นต่างเป็นสิ่งที่ดีในระบอบประชาธิปไตย แต่ต้องไม่นำความเห็นต่างนั้นพกกลับไปบ้านแล้วไปหาวิธีแก้แค้น อันนั้นไม่ถูกต้อง ไม่ถือเป็นระบอบประชาธิปไตย แย่ยิ่งกว่าเผด็จการหากจะเอาความเกลียดชังส่วนตัวไปมุ่งมั่นทำลายกัน แบบนั้นใช้ไม่ได้
เมื่อถามย้ำว่า ปัจจุบันนายทักษิณและนายเนวินไม่ได้มีเรื่องส่วนตัวกันแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “ผมว่า กาลเวลามันก็ มันก็ คนก็อายุมากขึ้น อะไรมากขึ้น แต่ก็ไม่มีอะไรกัน เท่าที่ผมทราบไม่มีการพบปะกัน ไม่มีการพูดคุยอะไรกัน”