Connect with us

Politics

ธนาธร ยกบทกลอน อานนท์ ลั่น! ทุกรอยธง รอยเท้า เคยก้าวไป พร้อมจะก้าว ก้าวใหม่ ไกลกว่าเดิม

Published

on

ธนาธร ปาฐกถา ม.เชียงใหม่ ยกกลอนทนายอานนท์ เรียกร้องทุกคนปกป้องเสรีภาพ-เปลี่ยนแปลงประเทศ

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า ที่อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ปาฐกถาพิเศษ “สื่อ ศิลปะ อำนาจ และเสรีภาพ” Syntopia: The National Symposium on Media Arts and Design

โดยธนาธรกล่าวอธิบายลักษณะทวิอำนาจของ ‘สื่อ’ และ ‘ศิลปะ’ มีลักษณะสะท้อนความจริง สะท้อนความหวัง และบางครั้งก็สะท้อนความโหดเหี้ยมของมนุษย์ในช่วงเวลาแห่งความมืดมิด จากสื่อใบปลิวที่ปลุกคนให้ลุกขึ้นมาปฏิวัติในศตวรรษที่ 18 จนถึงสื่อทวิตเตอร์ของโดนัลด์ ทรัมป์ กระตุ้นให้ผู้คนลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง ส่วนงานศิลปะก็ทำให้คนกล้าฝันถึงอนาคตที่ดีกว่า

ผู้มีอำนาจและผู้นำเผด็จการรู้ดีว่าเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนเป็นภัยคุกคามของพวกเขา ประชาชนที่มีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกย่อมกล้าตั้งคำถาม ย่อมกล้าเรียกร้องความรับผิดชอบต่อผู้นำ ย่อมกล้าขัดขืนและต่อต้าน กำลังอำนาจแบบดิบๆ หรืออำนาจที่บังคับใช้จากกฎหมายนั้นผูกมัดประชาชนไว้ได้เพียงชั่วคราว แต่ความคิดสามารถดำรงอยู่ชั่วกาล ดังนั้นผู้มีอำนาจจึงต้องการควบคุมความคิด ทั้งวัฒนธรรม บทละคร บทเพลง บทกวี ศิลปะ เช่นกัน

ในขณะเดียวกันเราก็เห็นผู้ที่ด้อยอำนาจ มุ่งเปลี่ยนแปลงความคิดของผู้คนเช่นกัน เช่นในวันกรรมกรสากล 1 พฤษภาคม หรือวันเมย์เดย์ เป็นวันที่ผู้คนทั่วโลกหยุดงานพร้อมกันมากที่สุด แต่มีความพยายามเปลี่ยนแปลงจากรัฐไทยเพื่อลดทอนความแหลมคม ลดทอนประวัติศาสตร์และลดทอนสำนึกทางชนชั้นลงเป็นเพียง “วันแรงงานแห่งชาติ” นี่คือการเปลี่ยนคำ เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนคน

ถ้าผู้มีอำนาจใช้อำนาจละมุน หรือ soft power แบบนี้ในการคุมคน เราก็สามารถใช้อำนาจละมุนเหล่านี้เปลี่ยนความคิดคนได้เช่นกัน ทั้งนักคิด นักเขียน ศิลปิน โดยตนขอยกตัวอย่างจิตร ภูมิศักดิ์ มีข้อเขียน “สรรเสริญเกียรติกรุงเทพมหานคร” ที่มีทั้งการเสียดสี และการปลุกกำลังใจผู้คนให้ออกมาเปลี่ยนแปลง

“กูนี้แหละผู้สร้างชาติ ประวัติศาสตร์ยุคพัฒนา
ฝากชื่อให้ลือชา ให้ปวงชนได้ชื่นชม
กูสร้างกูรับเหมา ทั้งหนักเบากูฟัดจม
โครงการทุกกองกรม ย่อมกวาดกำในมือกู
บริษัทอภิสิทธิ์ ผูกขาดปิดทุกประตู
ประมูลอย่างข่มหมู เขมือบเมือบจนมันมือ
ชาติเสือต้องไว้ลาย และชาติชายต้องไว้ชื่อ
กูเสือในครัว…ฮือ เป็นชาติเสือต้องนอนกิน”

“ถึงยุคทมิฬมาร จะครองเมืองด้วยควันปืน
ขื่อแปจะพังครืน และกลิ่นเลือดจะคลุ้งคาว
แต่คนย่อมเป็นคน ในสายธารอันเหยียดยาว
คงคู่กับเดือนดาว ผงาดเด่นในดินแดน

ฟ้ามืดเมื่อมีได้ ก็ฟ้าใหม่ย่อมคงมี
แสงทองเหนือธรณี จะท้าทายอย่างทระนง
เมื่อนั้นแหละคนนี้ จะยืดตัวได้หยัดตรง
ประกาศด้วยอาจอง “กูใช่ทาสหากคือไท”

ธนาธรยกอีกคำพูดหนึ่งของเดสมอน ตูตู “ถ้าคุณเป็นกลางในสถานการณ์อยุติธรรมเอารัดเอาเปรียบ คุณอยู่ข้างผู้กดขี่ ถ้าช้างเอาเท้าเหยียบหางหนูอยู่แล้วคุณบอกคุณเป็นกลาง หนูคงไม่ซาบซึ้งกับความเป็นกลางของคุณเท่าไหร่นัก”

ต่อมา ธนาธรกล่าวถึงหลักการเสรีภาพ ว่าเสรีภาพเป็นเสาหลักของประชาธิปไตย และเสรีภาพคือพื้นฐานของนวัตกรรม ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ต้องการพื้นที่ที่เปิดกว้างในการนำเสนอ แต่ตอนที่คุณอยู่ในโรงเรียน รู้สึกปลอดภัยหรือไม่ที่จะยกมือสอบถามครู ถ้าไม่รู้สึกปลอดภัย ก็เลิกคิดถึงการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปได้เลย

โดยธนาธรกล่าวถึงอานนท์ นำภา ที่เป็นศิลปินและทนายความ โดยเขาเป็นทนายความให้กับผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิ์ เป็นทนายความให้กับผู้ที่ถูกกดขี่ อานนท์เดินทางไปว่าความทั่วประเทศให้ผู้คน ทั้งประเทศรู้จักอานนท์ในวันที่ 3 สิงหาคม 2563 การชุมนุมเสกคาถาผู้พิทักษ์ปกป้องประชาธิปไตย หรือ ‘ม็อบแฮรี่พอตเตอร์’ ที่กล่าวถึงการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ที่มาพร้อมความสุภาพแต่ก็ไม่ทิ้งอารมณ์ขัน อานนท์เป็นผู้มีความสามารถในการเขียนบทกวีและร้องเพลง วันนี้อานนท์ถูกจับกุมคุมขังด้วยกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยเขาอยู่ในคุกมาแล้ว 280 วัน สำหรับตน คำปราศรัยของอานนท์แต่ละครั้งไม่ใช่แค่การปราศรัยทางการเมือง แต่คือการร่ายบทกวีเพื่อโน้มน้าวผู้คนเพื่อให้กล้าคิดกล้าฝันถึงประเทศไทยที่ดีกว่า

สุดท้าย ธนาธรกล่าวเชิญชวนผู้ฟังว่า “ผมขอเรียกร้องให้ทุกท่านในที่นี้ จงใช้เสียง จงใช้ปากกา จงใช้พู่กัน จงใช้กล้อง จงใช้เมาส์ของคุณ ปกป้องเสรีภาพ เพื่อส่องทางสว่างให้กับสังคมไทย เพื่อลูกหลานของเราเติบโตขึ้นมาจะได้ไม่เจอกับเผด็จการและความโหดเหี้ยมของมนุษย์”

ธนาธรกล่าวปิดการปาถกฐาพิเศษในวันนี้โดยยกบทกวีของอานนท์ นำภา “ฝัน, ท้อ, รอคอย” ที่เขียนเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา

“ฝากเก็บวัน เวลา ทุกนาที
ที่เรามี ความสุข สนุกสนาน
เก็บรอยเท้า รอยนั้น ของวันวาน
เผื่อหลงทาง กลับบ้าน เมื่อผ่านไป

ฝนที่ตก ทางนี้ หนาวที่สุด
รุ้งที่ยาว ทอดหยุด ณ จุดไหน
เหมือนว่าฟ้า สีทอง ผ่องอำไพ
แต่คนที่ เป็นใหญ่ ใช่ปวงชน

ห่มผ้าผืน เก่าเก่า เมาความคิด
ไม่รู้ถูก รู้ผิด จิตสับสน
ดูรายการ ตลก ก็วกวน
ฟังเพลงจน กวนใจ ไม่เป็นเพลง

หลับแล้วตื่น ยืนงง ตรงที่เดิม
ความฮึกเหิม จ่อมจม ถูกข่มเหง
ยิ้มง่ายง่าย พูดมั่วมั่ว กับตัวเอง
กินเหมือนเกรง วันใหม่ ไม่ได้กิน

คุยกับเพื่อน เบือนหน้า ทำท่าเบื่อ
บางวันเสื้อ ลืมซัก ชักออกกลิ่น
เดินตีนเปล่า ประจำ ย่ำผืนดิน
เป็นคน สิ้นสติ อนิจา

ฝนที่ตก ทางนี้ หนาวที่สุด
โลกมนุษย์ หยุดหมุน หมดคุณค่า
ข้าพเจ้า เก่งกาจ ทุกมาตรา
จึงได้มา หาเพื่อน นอนเรือนจำ”

ฝันในคืน ฝนตก ตลกดี
ตื่นมาเขียน บทกวี ที่ขื่นขำ
หมึกประชด สะบัดระบาย มากมายคำ
เหมือนคุกฉ่ำ รอยชื้น คืนฝนโปรย

เพียรเก็บวัน เวลา ทุกนาที
กินพออิ่ม พอดี ที่หิวโหย
ยิ้มง่ายง่าย เหงางามงาม ยามลมโชย
ปลอบเพื่อนโดย รู้ว่า มาทำไม

ฝนที่ตก ทางนั้น คงฝันดี
ฝนที่ตก ทางนี้ หนาวที่ไหน (555+)
ทุกรอยธง รอยเท้า เคยก้าวไป
พร้อมจะก้าว ก้าวใหม่ ไกลกว่าเดิม”

#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: