เปิดชื่อ 16 กรรมการบริหารพรรคสร้างอนาคตไทย ชู 5 นโยบายฟื้นฟูประเทศ
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า ที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี พรรคสร้างอนาคตไทย ครั้งที่ 1/2565 นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค ประกาศบนเวที ว่า เราจะเชิญนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคสร้างอนาคตไทย
นายวิเชียรกล่าวด้วยว่า นายสมคิดอยู่พรรคนี้แน่ แต่นายสมคิดจะดูจังหวะเวลาในการเปิดตัวเพื่อให้สอดรับเมื่อมีทีมที่แข็งแรง และทุกคนพร้อมทำงาน นายสมคิดจะไม่อยู่ในเชิงของการบริหารพรรค แต่จะดูแลในระดับภาพรวมใหญ่ทั้งหมด ดูแลเศรษฐกิจ และปัญหาของบ้านเมือง นี่คือหน้าที่ของนายสมคิด ดังนั้น พรรคต้องมีความพร้อมเรื่องของฐาน เพื่อให้นายสมคิดสามารถไปยืนอย่างสง่างาม เพื่อขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ
การประชุมครั้งนี้ มีการเปิด 16 รายชื่อกรรมการบริหารพรรค ดังนี้
- นายอุตตม สาวนายน ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค
- นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรค
- นายสันติ กีระนันท์ ดำรงตำแหน่งเหรัญญิกพรรค
- นายนิทัศน์ ประทักษ์ไจ นายทะเบียนพรรค
- นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ กรรมการบริหาร
- นายสุพล ฟองงาม กรรมการบริหาร
- นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ กรรมการบริหาร
- นายวิเชียร ชวลิต กรรมการบริหาร
- นายนริศ เชยกลิ่น กรรมการบริหาร
- นายวัชระ กรรณิการ์ กรรมการบริหาร
- นายรักษ์พงษ์ เซ่งเจริญ กรรมการบริหาร
- นายวิรัช วิฑูรย์เธียร กรรมการบริหาร
- นายโอฬาร วีระนนท์ กรรมการบริหาร
- นายอิธวัฒน์ พิทักษ์คุมพล กรรมการบริหาร
- นางทิพย์พาพร ตันติสุนทร กรรมการบริหาร
- นางสาวโชนรังสี เฉลิมชัยกิจ กรรมการบริหาร
นายอุตตมกล่าวภายหลังรับตำแหน่ง ประกาศนโยบาย 5 สร้าง เป็นนโยบายหลักของพรรค เพื่อขับเคลื่อนแก้ปัญหาและสร้างอนาคตประเทศไทยอย่างบูรณาการทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมไทย ความเป็นอยู่ของคนไทยทุกคน เพื่อสร้างอนาคตแก่ลูกหลานไทย ได้แก่
- สร้างเศรษฐกิจฐานรากเข้มแข็งและทันสมัย สร้างความเข้มแข็งให้ฐานรากด้วยเศรษฐกิจที่เหมาะสมกับท้องถิ่น ประยุกต์ภูมิปัญญาถิ่นสร้างโอกาส ในชีวิตที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันทั้งชนบทและเมือง ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกรชาวไร่ชาวนา ผู้ใช้แรงงานหรือผู้ประกอบการค้าขายริมทางริมถนนในเมืองกรุง ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย การบริหารจัดการที่เหมาะสม การจัดการทรัพยากรเพื่อการพัฒนาอย่างเพียงพอ เศรษฐกิจฐานรากระดับไมโครต้องแข็งแรงทันสมัยทันโลก
- สร้างภาคเศรษฐกิจใหม่โครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคต พัฒนาระบบเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) ที่สร้างมูลค่าสูงด้วยแนวคิด BCG (Bio-Circular-Green Economy) คือระบบเศรษฐกิจฐานชีวภาพ มีการหมุนเวียนการใช้ทรัพยากรและเป็นมิตรกับโลก เพื่อทดแทนระบบเศรษฐกิจเก่า (Old Economy) ที่สร้างมูลค่าน้อยและเป็นปัญหากับสภาพแวดล้อมไทยและโลก สร้างโครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคต เพื่อเป็นปัจจัยในการสร้างภาคเศรษฐกิจใหม่ให้มีประสิทธิภาพ
ปลดปล่อยศักยภาพของประเทศได้เต็มกำลังความสามารถ ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลที่แม่นยำเพื่อกำหนด กลยุทธ์ในการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างและสนับสนุนให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคต เช่น ศาสตร์และศิลป์แห่งการวิเคราะห์ข้อมูล (Data-Analytics และ AI) ซึ่งต้องเริ่มด้วยทำให้คนไทยทุกคน มี Digital Literacy รู้ทันเทคโนโลยีดิจิทัลและสามารถนำมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มศักยภาพ
- สร้างสังคมที่เกื้อกูล เป็นธรรม และยั่งยืน สร้างสังคมที่มีความเป็นธรรม คืนความสุขให้คนไทยทุกคน บูรณะวัฒนธรรมพื้นฐานของความเอื้ออาทร เกื้อกูล มีน้ำใจ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ในจิตใจของคนไทยทุกคน เสริมพื้นฐานการพัฒนาเศรษฐกิจแบ่งปัน (Sharing Economy) เพื่อใช้ประโยชน์ของทรัพยากรในการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างคุ้มค่าและทำให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีตัวอย่างที่เริ่มต้นในภาคเอกชน เช่น Co-Working Space การใช้พื้นที่สำนักงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การระดมทุนแบบ Peer-to-Peer หรือ Crowdfunding ซึ่งเป็นเศรษฐกิจยุคใหม่ ที่ยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรม
- สร้างคนและวิทยาการพร้อม…ก้าวสู่สังคมโลกแห่งอนาคต สร้างคนให้พร้อม สามารถใช้ประโยชน์จากความเปลี่ยนแปลงของบริบทโลก ด้วยเทคโนโลยีในระบบการศึกษาและการศึกษาต่อเนื่อง สร้างพื้นฐานความรู้ที่เข้มแข็งและมีจิตที่พร้อมจะเรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นหลักประกันในการยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้ทัดเทียมนานาอารยประเทศ มุ่งสร้างวิทยาการที่เหมาะสมกับวิถีชีวิตคนไทย โดยที่สามารถรองรับความเปลี่ยนแปลงและความผันผวนของโลก ทำให้สังคมไทยสามารถปรับตัว ยืดหยุ่นและทนต่อแรงเสียดทาน (Resilience) ทั้งกลับใช้ประโยชน์จากความเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- สร้างการเมืองที่สร้างสรรค์พลังบวก ดำเนินงานการเมืองโดยยึดถือประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข สร้างระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง บนพื้นฐานจิตสาธารณะ หยุดประชาธิปไตยเทียมที่มีเพียงรูปแบบอันหลอกลวงมุ่งสนองประโยชน์ของพวกพ้องและอภิสิทธิ์ชน หยุดยั้งการเมืองเชิงทำลายที่มุ่งสร้างความร้าวฉานเพียงเพื่อช่วงชิงอำนาจด้วยเกมการเมือง
นายอุตตมกล่าวว่า เป็นการประชุมครั้งประวัติศาสตร์และขอบคุณที่ให้ความไว้วางใจตน ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม 2565 ที่ตนและผู้ก่อตั้งพรรคได้แสดงเจนารมย์ร่วมกันในการทำงานเพื่อบ้านเมืองและฟื้นเศรษฐกิจ ที่ผ่านมาเราทำงานอย่างหนัก เปิดเวทีรับฟังทุกภาคส่วนเพื่อรับความคิดใหม่เพื่อขับเคลื่อนนโยบาย รวมถึงการเชิญบุคคลมาทำงานการเมือง ทั้งนักการเมือง ภาคเอกชน และภาคประชาชน มาร่วมทำงานด้วยกัน
นับจากนี้ไป ตนและ กก.บห.จะขับเคลื่อนพรรคอย่างเป็นทางการเพื่อให้พรรคเป็นสถาบันทางการเมืองและเป็นที่พึ่งของประชาชน เป้าหมายแรก คือ การแก้ไขปัญหาประชาชน มีหลายมิติ โดยเฉพาะเรื่องปากท้อง เศรษฐกิจ สินค้าแพง รายได้ตกต่ำ ค่าครองชีพไม่เพียงพอ คนจนลง ขณะที่มีคนบางกลุ่มร่ำรวยจากสถานการณ์ที่ผ่านมา ตอกย้ำความเหลื่อมล้ำ
นายอุตตมกล่าวว่า ประเทศไทยจะไปทางไหน วันนี้เรามองไม่เห็นอนาคตดี ๆ ของลูกเราเลย ทำอย่างไรที่คนไทยจะพ้นจากวงจรความยากจนได้ และยังมีปัญหาความยุติธรรมไม่เสมอภาค ระบบราชการไม่ตอบโจทย์ความต้องการของประชน เพราะโครงสร้างไม่ได้เปลี่ยนมานาน วันนี้โลกใหม่กำลังจะมาถึง ถึงเวลาที่ประชาชนจะมีพรรคทางเลือก และพรรคเสนอทางออก โดยผ่านคนรุ่นใหม่และชุดความคิดใหม่การตั้งพรรคไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่ตนเชื่อมั่นว่าทุกคนต้องการสร่างการเมืองใหม่ ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และไม่ต้องต้องการเข้ามามีอำนาจ หรือ ไขว่คว้าหาอำนาจ เรามาร่วมกันสร้างพรรคให้เป็นองค์กรที่เปิกว้างของประชาชน พร้อมรับฟังความต้องการทุกภาคส่วน พร้อมเปิดใจ และรับฟังทั้งที่สอดคล้องและแตกต่าง เพื่อคิดทำร่วมกันเพื่อประโยชน์สูงสุด พรรคไม่แสวงหาประโยชน์เพื่อพวกพ้อง วันนี้ถึงเวลาแล้วที่จะหลุดพ้นจากวิกฤตที่เผชิญ