หริรักษ์ ตั้งคำถาม ม็อบราษฎรหยุดเอเปค ที่มาด้วยความบริสุทธิ์ใจสักกี่คน ม็อบจึงมีแต่แกนนำบางคน มีแต่นักจัดม็อบอาชีพ และบรรดาการ์ดรับจ้าง
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก Harirak Sutabutr ระบุข้อความว่า “เขียนไว้ล่วงหน้าแล้วว่า จะไม่แปลกใจหากม็อบพยายามยั่วยุให้ตำรวจควบคุมฝูงชนใช้ความรุนแรง และก็ไม่แปลกใจที่มีการขยายผลกันอย่างสุดเหวี่ยง ตั้งแต่แกนนำม็อบที่ประกาศว่า มีผู้ชุมนุมถูกจับไปเป็นจำนวนมาก มีผู้ชุมนุมบาดเจ็บนับไม่ถ้วน จากนั้นแนวหลังต่างๆ ต่างก็ขานรับกันเป็นทิวแถว ทั้งอุ๊งอิ๊ง หมอชลน่าน ศรีแก้ว เบ็ญจา แสงจันทร์ เจี๊ยบ อมรัตน์ ต่างโพสต์ข้อความว่าตำรวจใช้ความรุนแรงต่อผู้ที่ชุมนุมอย่างสันติ ปราศจากอาวุธ
ที่ไม่แปลกใจอีกอย่างคือ บรรดาแนวหลังที่เป็นฝ่ายสนับสนุน ก็ใช้วิธีเดิม คือพูดความจริงครึ่งเดียว บอกแต่ว่า ตำรวจรุนแรง ตำรวจยิงกระสุนยาง ตำรวจไม่รู้จักใช้หลักจิตวิทยา แต่ไม่บอกว่า ม็อบทั้งพยายามฝ่าแนวกั้น ทั้งขว้างขวดแก้ว รองเท้า และสิ่งของนานาชนิด ทั้งขว้างระเบิดควัน ทั้งใช้ไม้หน้า 3 ตีตำรวจ ตำรวจจึงยิงกระสุนยางสะกัด
พูดกันตามจริง ม็อบครั้งนี้ ดูเหมือนจะเป็นม็อบที่ปราศจากมวลชนเช่นเดียวกับม็อบทะลุแก๊ส หรือถ้ามีก็น้อยมาก ใช้ชื่อว่า ราษฎรหยุดเอเปค แต่ต้องถามว่ามีราษฎรที่มาด้วยความบริสุทธิ์ใจสักกี่คน ม็อบจึงมีแต่แกนนำบางคน มีแต่นักจัดม็อบอาชีพ และบรรดาการ์ดรับจ้าง พฤติกรรมของม็อบมีแต่ความถ่อย เถื่อน หยาบคาย พูดจาและกระทำในสิ่งที่คนดีๆเขาไม่ทำกัน คงเป็นเพราะอย่างนี้ จึงมีมวลชนอยากมาร่วมด้วยน้อยมาก
แน่นอนว่าการปะทะกันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก จะใช้จิตวิทยามวลชนเจรจาต่อรองอย่างไรก็เปล่าประโยชน์ เมื่อฝ่ายหนึ่งได้รับคำสั่งให้ฝ่าแนวกั้นไป อีกฝ่ายก็ได้รับคำสั่งให้ตรึงไว้ให้ได้ ฝ่ายควบคุมฝูงชนเขายอมไม่ได้อยู่แล้วที่ให้ม็อบเคลื่อนไปถึงศูนย์ประชุมแห่งชาติได้ ซึ่งฝ่ายม็อบก็รู้อยู่แก่ใจ แต่ต้องก็ต้องพยายามมฝ่าไป เพราะความรุนแรงคือสิ่งที่ม็อบต้องการ
งานนี้ ไม่เห็นแม้แต่เงาของท่านผู้ว่าฯชัชชาติ ไม่เห็นท่านออกมาไลฟ์เหมือนที่เคยทำเสมอในกรณีอื่นๆ ไม่เห็นท่านออกมาช่วยไกล่เกลี่ย หรือใช้หลักจิตวิทยามวลชนอันสูงส่ง อย่างที่ฝ่ายสนับสนุนม็อบประณามตำรวจควบคุมฝูงชนว่าไม่มี อย่าลืมว่า จะอย่างไรนี่คือพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร และท่านก็คือพ่อเมืองที่กำลังมีการประชุมระดับโลกที่หากไม่มีความวุ่นวายเช่นนี้ การจัดประชุมครั้งนี้ของประเทศไทยจะเรียกได้ว่าไร้ที่ติ เป็นชื่อเสียงของประเทศชาติ อย่างน้อยพ่อเมืองก็ไม่ควรวางเฉย เสมือนหนึ่งเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรุงเทพมหานคร ไม่ใช่หรือ”
เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS