Connect with us

News

ธันวา​ สอนให้คิด! ปิยบุตร อย่า..ตีตราว่าเขาเป็นฝุ่นใต้ตีน หรือขี้ข้าเผด็จการ มันผิด !!

Published

on

ธันวา แซะ! ปิยบุตร ‘see the light’ ชี้ จะทำอะไรต้องฟังฉันทามติสังคมส่วนใหญ่ในประเทศ ถ้าเมื่อไหร่พรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้ง วันนั้นมันชัดเจนว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศต้องการให้เกิดการปฏิรูปสถาบัน

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายธันวา ไกรฤกษ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ปัจจุบันย้ายไปร่วมงานกัยพรรคกล้า แสดงความเห็นส่วนตัวระบุว่า เมื่อคุณปิยบุตร ‘see the light’ ก็เชื่อว่าผู้สนับสนุนทั้งหลายจะเห็นแสงสว่าง ไม่ช้าก็เร็วเช่นกัน

“การปฏิรูปสถาบันต้องอาศัยทุกฝักทุกฝ่าย ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ จะอาศัยรัฐสภาเดินหน้าทำอย่างเดียวไม่พอ ต้องทำให้คนทั้งสังคมเห็นพ้องต้องกันด้วย ถึงจะทำให้รัฐสภากล้าทำ หรือต่อให้รัฐสภากล้าทำ แต่ถ้าสังคมไม่มีฉันทามติ รัฐสภาก็อยู่ต่อไปไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นหากฉันทามติของสังคมไม่เกิด การปฏิรูปเรื่องสำคัญของประเทศไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม ก็ไม่มีทางเป็นไปได้”

ทั้งดีใจ ทั้งแปลกใจ กับการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวของคุณปิยบุตร ซึ่งเป็นสิ่งที่คนมากมายในสังคม รวมทั้งตัวผม ได้กล่าวแนะนำ ตักเตือน และให้ความเข้าใจ ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ที่ว่าดีใจ เพราะเป็นการส่งสัญญาณถึงกลุ่มผู้สนับสนุน ซึ่งได้แก่น้องๆ 3 นิ้ว ให้ปรับ mindset ซะใหม่ ว่าการยัดเยียดแนวคิดล้มเจ้าให้กับผู้อื่น และตีตราว่าเขาเป็นฝุ่นใต้ตีน หรือขี้ข้าเผด็จการนั้น มันผิด

ที่ว่าดีใจ เพราะในถ้อยแถลงดังกล่าว คุณปิยบุตรยอมรับชัดเจนว่า การปฏิรูปสถาบันยังไม่ใช่ฉันทามติของสังคม จึงใช้คำว่า “..หากฉันทามติของสังคมไม่เกิด การปฏิรูปเรื่องสำคัญของประเทศก็ไม่มีทางเป็นไปได้”

ที่ว่าดีใจ เพราะเขาคงได้เรียนรู้แล้วว่าหากพยายามหักด้ามพร้าด้วยเข่า ใช้กระแสความเกลียดชัง สิ่งที่จะเกิดตามมาก็คือความแตกแยกในสังคม ที่ตอนนี้มันลงลึกไปถึงระดับครอบครัว โรงเรียนมัธยม และวงดีดลูกแก้วของเด็กประถมด้วยซ้ำ ในที่นี้อย่าเข้าใจผิดว่าผมคัดค้านการปฏิรูปใดๆ หรือไม่อยากเห็นองค์กรใดองค์กรหนึ่งในประเทศนี้ดีขึ้น อย่างที่เคยบอกไปแล้วว่าทุกสิ่งอย่างนั้นต้องใช้เวลาต้องรู้จักอดทน และต้องสร้างความเข้าใจจนถึงจุดที่คนส่วนใหญ่คล้อยตาม

ซึ่งสามารถสะท้อนผ่านผลการเลือกตั้ง โดยการปฏิรูปสถาบันนั้นเป็นเรือธงของพรรคที่คุณปิยบุตรสนับสนุนอยู่แล้ว หากพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือถ้าเมื่อไหร่พรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้ง วันนั้นมันชัดเจนแล้วว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศต้องการให้เกิดการปฏิรูปสถาบัน

แต่ถ้ายังแพ้ก็ตรงกันข้าม และผู้แพ้ต้องยอมรับ ภายใต้การปกครองตามระบอบประชาธิปไตย
(ตรงนี้ยังมีข้อจำกัด และเป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้อีกเรื่อง ก็คือ ‘การซื้อเสียง’ ซึ่งอาจทำให้วรรคตอนก่อนหน้านี้สะท้อนได้ไม่ค่อยตรงใจ เพราะไม่ว่าใครจะปฏิรูปหรือไม่ปฏิรูป การเลือกตั้งมันก็ยังไม่ใช่ฉันทามติที่แท้จริงของสังคมเท่าไหร่นัก)

ยังไงก็ตาม ส่วนตัวผมมองว่านับจากนี้จะเป็นการปรับท่าทีเพื่อหวังผลทางการเมือง มากกว่ายึดติดอุดมการณ์ในฝัน เพราะหากยังเดินหน้าสนับสนุนการจาบจ้วงสถาบันแบบนี้ พรรคการเมืองที่ก่อตั้งมานั้นมีโอกาสสูญพันธุ์ มากกว่าขยายพันธุ์

คุณปิยบุตร มีทีม data /social listening ในมือเยอะแยะ ก็คงรู้มาตลอดว่าหากตัดกระแสไอโอหรือความคิดเห็นปลอมๆออกไป ให้เหลือเพียงประชาชนที่แท้จริงแล้ว เขาด่าทอพวกจาบจ้วงสถาบันทั้งนั้น มันคงถึงทางตันและยอมรับว่าไม่ไหวอย่าฝืน ต้องหันกลับมายอมรับความจริง

อย่างไรก็ตามถือว่าเป็นวิถีของผู้มีปัญญา เพราะถ้ามนุษย์คนใดไม่รู้จักยอมรับความจริง ก็คงไม่ต่างจากคนวิกลจริต ที่ติดอยู่ในโลกคู่ขนาน เท่านั้นเอง

นี่น่าเป็นโพสต์แรกเลยก็ว่าได้ที่ผมเขียนชมคุณปิยบุตร คุณมาถูกทางแล้วครับ !!
ปล.ในภาพหน้าปก หลายคนเคยถามว่าผมชี้อะไร บ้างก็เข้ามาด่าว่าชี้หา daddy มุงหรอ เปล่าเลย อันที่จริงผมกำลังชี้ไปที่แสงสว่าง เพื่อให้บางคนพบทางสว่าง เหมือนคุณปิยบุตร ต่างหากครับ

ทั้งนี้นายธันวา ยังได้ติดแฮชแท็ก ทิ้งท้ายระบุว่า SoNowYouSeeTheLight

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Click to comment

You must be logged in to post a comment Login

Leave a Reply

Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: