ปกรณ์วุฒิ ระบุ จุดยืนของพรรคก้าวไกลไม่ควรที่จะให้องค์กรใดองค์กรหนึ่งมาตัดสินประหารชีวิตทางการเมืองของบุคคลหรือพรรคการเมืองใดใดการตัดสินประหารชีวิตทางการเมือง
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ สิ้นสุดลงตามมาตรา 170 (5) แล้วนั้น ในฐานะผู้ร้องจะขยายผลไปถึงการยื่นสอบมาตรฐานทางจริยธรรมหรือไม่
โดย นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า หลังยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญเมื่อครั้งที่เป็นฝ่ายค้าน ตอนนั้นได้ยื่นร้อง ป.ป.ช. ไปด้วยซึ่งตอนนี้เรื่องก็ยังคงค้างอยู่คิดว่าจะต้องเร่งรัดให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบเรื่องที่พรรคร่วมฝ่ายค้านในตอนนั้นร่วมลงชื่อยื่นเรื่องไปให้ตรวจสอบในความผิดฐานยื่นทรัพย์สินอันเป็นเท็จจึงคิดว่าเป็น ป.ป.ช. ที่จะเปิดไต่สวนและเรียกหลักฐานต่างๆ มาพิจารณาต่อไป
สำหรับการยื่นตรวจสอบจริยธรรม นายปกรณ์วุฒิ ยืนยันว่า จุดยืนของพรรคก้าวไกลไม่ควรที่จะให้องค์กรใดองค์กรหนึ่งมาตัดสินประหารชีวิตทางการเมืองของบุคคลหรือพรรคการเมืองใดใดการตัดสินประหารชีวิตทางการเมือง
“อำนาจจะต้องเป็นของประชาชน ที่ในการเลือกตั้งจะต้องไม่เลือกบุคคลนั้นให้เข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้แทนของประชาชนรวมถึงพรรคการเมือง จะดำรงอยู่ได้หรือไม่ขึ้นอยู่ว่าประชาชนจะเลือกหรือไม่เลือกเท่านั้นไม่ใช่ให้องค์กรใดมาตัดสิน”
ส่วนจะเป็นบรรทัดฐานใหม่ของทางการเมืองหรือไม่นั้น ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่าเป็นจุดยืนของพรรคก้าวไกลมากกว่าเพราะเข้าใจดีว่าหลายพรรคการเมืองทั้งอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกลก็ถูกกระทำแบบนี้บ่อยครั้ง หากเรายืนในจุดยืนเดิมก็จะไม่เข้าสู่ด้านมืด จึงไม่จำเป็นต้องทำแบบที่คนอื่นทำ ถ้าเรายืนยันและยึดมั่นในหลักการเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญทางการเมือง
ขณะที่ นายชัยธวัช ตุลาธน สส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวเสริมในประเด็นดังกล่าวว่า แม้พรรคก้าวไกลจะทำงานตรวจสอบ แต่ตรวจสอบภายใต้หลักการที่ถูกต้อง ส่วนเรื่องการร้องให้ยุบพรรคนั้น เป็นนโยบายของพรรคก้าวไกล แต่ย้ำว่าเฉพาะกรณีนี้ ยังมีเรื่องต่อเนื่องอีกหลายส่วนนอกจากเรื่องยื่นบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จแล้วยังมีเรื่องที่ นายศักดิ์สยาม เอาบริษัทของตัวเองมาเป็นคู่สัญญากับรัฐ ซึ่งยังเป็นประเด็นให้ตรวจสอบต่อเนื่องอยู่ไม่ใช่จะนึกถึงเรื่องจะให้ยุบพรรคอย่างเดียว
ส่วนที่พรรคก้าวไกลไม่ยื่นให้ยุบพรรคภูมิใจไทย เพราะกังวลว่าพรรคตนเองจะถูกยุบหรือไม่นั้น ชัยธวัช ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวกับการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 31 ม.ค. นี้แต่อย่างใด เพราะคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยในวันนั้นเป็นคำร้องที่จะนำไปสู่การยุบพรรคก้าวไกลแต่เป็นคำร้องเพื่อให้ยุติการกระทำที่กล่าวหามา พร้อมมั่นใจพรรคก้าวไกลไม่ถูกร้องให้ยุบพรรคแน่นอน
นายชัยธวัช ยังเปิดเผยว่า พรรคก้าวไกลได้ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่และยืนอยู่บนข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายจึงไม่ได้กังวล พร้อมที่จะไปรับฟังคำวินิจฉัยตัดสิน ซึ่งตนเองหากไม่ติดโหวตวาระสำคัญที่รัฐสภา ก็จะเดินทางไปฟังคำตัดสินด้วยตนเองทั้งวันที่ 24 ม.ค. และวันที่ 31 ม.ค. ส่วน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็จะไปฟังคำตัดสินด้วยตัวเองในคดีถือหุ้นไอทีวี
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS
