จตุพร ฟันธง! หมอระวี ดันนิรโทษกรรมไม่สำเร็จ ชี้ ประยุทธ์ คนเดียวทำได้ ท้าพูดออกมาคำเดียว เอาไม่เอา ทำไม่ทำ ถ้าจะนิรโทษกรรม ควรล้างกันให้เกลี้ยง เพื่อนับหนึ่งประเทศใหม่
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน เปิดเผยในหัวข้อ “ปรองดองปลอม ระวังพัง!” โดยให้เหตุผลว่า การกำหนดเงื่อนไขคดีทุจริต คดีอาญาร้ายแรง และคดี ม.112 ไม่ได้รับการนิรโทษกรรมนั้น จะยิ่งทำให้เกิดความขัดแย้ง และส่งผลให้บ้านเมืองแตกแยกกันครั้งใหม่อย่างรุนแรง
นายจตุพร เชื่อว่า การเสนอนิรโทษกรรม โดย นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ แม้เป็นเจตนาดี ต้องการให้สังคมเกิดความปรองดองลดคสวามขัดแย้ง แต่การกำหนด 3 เงื่อนไขไม่ได้รับนิโทษกรรม คือ คดีทุจริต คดีอาญาร้ายแรง และคดี ม.112 จึงเข้าได้ว่า การนิรโทษกรรมครั้งนี้จะทำให้เกิดการปรองดองปลอม และที่สำคัญ สิ่งที่ปลอมๆนั้น หาเรื่องให้บ้านเมืองแตกแยก ขัดแย้งกันรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก
โดยระบุว่า เมื่อการนิรโทษกรรมเน้นเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง แต่ยกเว้น 3 ประเด็นนั้น และคดีทุจริตไม่ได้เกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง จึงไม่ควรหยิบยกมาใส่เป็นเงื่อนไข เว้นแต่จะโยนเข้ามาให้เป็นปัญหา ลากไปสู่ความขัดแย้ง ซึ่งเป็นการผิดวิสัย จะเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม แต่แสดงถึงต้องการให้เกิดเรื่องเท่านั้น
“คน (หมอระวี) ที่ขับเคลื่อนเรื่องนี้ (นิรโทษกรรม) ฟังนะ เรื่องนี้ (3 เงื่อนไขยกเว้น) ไม่เกี่ยวกับการนิรโทษ ผมว่าฝ่ายที่ใกล้ชิดกับประยุทธ์ ไปสะกิดหน่อยว่า เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกัน แล้วจะยกขึ้นมาให้คนทะเลาะกันทำใม ผมว่ามีเจตนาให้เกิดการแตกแยกอีก”
นายจตุพร อธิบายว่า กรณีคดี ม.112 นั้น เหมือนมีขบวนการทำให้เกิดเรื่องขัดแย้งระหว่างคนรุ่นใหม่กับรุ่นเก่า ทั้งที่ผ่านมามีการทำความเข้าใจกันมาต่อเนื่อง ทั้งให้อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องได้คนเดียว ถ้ามีคดีก็ให้ศาลยกฟ้อง หรือลงโทษติดคุกก็สั่งปล่อย การทำความเข้าใจเหล่านี้ดำเนินการแบบเงียบๆ แต่ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับเปิดเรื่องขึ้นมาอีก โดยเปลี่ยนแปลงวิธีใหม่ในการแก้ไขปัญหาเสียอีก จนทำให้สถาบันได้รับผลกระทบ
ดังนั้น การนิรโทษรอบใหม่นี้ ถ้าให้ยกเว้น ม.112 ก็จะทำให้สถาบันเสียหายอีก และจะมีภาระใหญ่ มาตาม หากจะนิรโทษทั้งทีต้องไม่มีเป็นปัญหากระทบกับชาติ กษัตริย์ ประชาชน ซึ่งความขัดแย้งก็ไม่เกิด และถ้าไม่ติดเบรคกันก่อน แล้วไปหลงเชื่อแบบฉับพลันทันด่วน นอกจากจะได้ความแตกแยกเข้ามาใหม่แล้ว การนิรโทษกรรรมเพื่อหวังปรองดองก็ไม่สำเร็จอีกด้วย
ส่วนเรื่องการไม่นิรโทษคดีอาญาร้ายแรงนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ที่ผ่านมาฝ่ายชุมนุมเจอข้อหากบฎ คดีก่อการร้าย ส่วนฝ่ายทหารทำหน้าที่ตามคำสั่ง ศอฉ. จนให้เกิดความตายตามที่ศาลไต่สวนศพประชาชน ดังนั้น จึงเป็นความรุนแรงทั้งสองฝ่าย และการนิรโทษในเหตุการณ์อดีต ไม่ว่า 14 ตุลา 16 หรือ พฤษภา 35 มักไม่คุยกันเรื่องเหล่านี้ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกัน ก็อย่าเอามาใส่ให้เกิดเรื่องอีก ดังนั้น การนิรโทษฯ ครั้งนี้ ยกเว้นเงื่อนไข 3 ข้อไว้ ก็ส่อให้เกิดเรื่องแล้ว ทั้งการทุจริต ทั้งคดีอาญาร้ายแรง และคดี ม.112
“ประยุทธ์คุณประชุมเอเปคเสร็จ พูดมาคำเดียวพอ เอาหรือไม่เอา ทำหรือไม่ทำนิรโทษ ถ้าประยุทธ์ ไม่เอาด้วยอย่าไปทำ เสียเวลา หากประยุทธ์เอาก็ไม่มีใครไปขัดในประเด็นเหล่านี้ เพียงแต่ว่า ถ้าจะนิรโทษควรล้างกันให้เกลี้ยงเพื่อนับหนึ่งประเทศใหม่”
นายจตุพร ระบุว่า การนิรโทษกรรมที่ผ่านมาเป็นของปลอมทั้งนั้น และไม่เคยมีของจริงเลย ทั้งนโยบาย 66/23 ก็ปลอม เพราะไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่รับปากไว้อีกจำนวนมากจนถึงปัจจุบัน และวันนี้คู่ขัดแย้งหลักของบ้านเมืองคือ พล.อ.ประยุทธ์กับประชาชน โดยตั้งแต่ยึดอำนาจมา อ้างแก้ไขปัญหาความแตกแยก จึงโชว์ความสงบแห่งชาติ
“แต่ 8 ปีไม่ได้ทำอะไรเลยที่เป็นเรื่องจริง ส่วนเรื่องที่ทำก็ทำไม่ได้สักเรื่อง ทั้งแก้ปัญหาคความสงบโดยเอาคนไปปรับทัศนคติ ซึ่งไม่มีอะไร อีกทั้งปิดกั้นการแสดงออกประชามติ รวมทั้งแทรกแซงความยุติธรรมทุกส่วน ดังนั้น การมาเสนอความปรองดองจึงเป็นของปลอมเช่นกัน และผมใม่เชื่อประยุทธ์จะทำจริง”
นายจตุพร กล่าวว่า การปรองดองนั้น ที่ผ่านมารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เสนอมาหลายครั้ง คณะกรรมการมาหลายชุด แล้วลงท้ายหลอกกันทุกครั้ง สิ่งสำคัญในการปรองดองครั้งนี้ ตนไม่เชื่อเลย เพราะคิดว่าเสนอมาให้เกิดความขัดแย้งกันอีก
“ถ้าประยุทธ์ไม่ร่วมมือด้วย ก็อย่าไปคิดว่าจะสำเร็จได้ และที่ผ่านมาคนสนิทของประยุทธ์มาคุยให้ปรองดองไม่นับครั้งไม่ถ้วน ก็ไม่สำเร็จอยู่ดี แล้วหมอระวีจะทำสำเร็จได้อย่างไรกัน”
พร้อมระบุว่า บรรดาคนแวดล้อมและสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ล้วนมีคดีทางการเมืองมากเช่นกัน คนเหล่านนี้ถ้าต้องการปรองดอง พวกคุณที่มีความสนิทกัน ต้องมีหน้าที่ไปถามประยุทธ์ว่าจะเอาอย่างไร ไปคุยกันให้จบก่อนเพราะมีประโยชน์ร่วมกัน แล้วค่อยมาถามคนนอก (ไม่ได้สนิทกัน) เพราะพวกเราไม่เป็นปัญหาอยู่แล้ว ยิ่งมาถามความเห็นก็เพิ่มความขัดแย้ง แล้วคนก็ลืม 8 ปีว่า ประยุทธ์ไม่ได้ทำอะไรเลย
“แต่ละฝ่ายอย่ามาติดกับดักการนิรโทษรอบนี้ เพราะไม่มีทางเป็นไปได้ ถ้าประยุทธ์บอกเป็นเรื่องสภาก็จบ และประยุทธ์ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ส่วนความนิยมให้ประยุทธ์นั้น เวลา 8 ปีที่ผ่านมา ประยุทธ์ก็คือประยุทธ์ที่ต้องการให้ความขัดแย้งดำรงอยู่ จึงเชื่อนิโทษอะไรไม่ได้ ถ้าประยุทธ์ไม่ลงมือทำเอง
ส่วนการสกัดกลุ่มราษฎรชุมนุมลานคนเมืองคัดค้านการประชุมเอเปคนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ฝ่ายรัฐไม่น่าทำเป็นเรื่องใหญ่ ควรคุยกันและกำหนดให้เดินมายื่นหนังสือได้ แล้วรัฐก็อำนวยความสะดวก โดยมีคนคอยรับเรื่อง แค่นี้ก็คงจบเรื่อง ไม่ใช่ปฏิบัติการข่าวสารใหญ่โตไปกลบประชุมเอเปคหมด ทั้งที่การประชุมก็ไม่มีอะไรอยู่แล้ว เห็นประชาชนคุยกันมีแค่ปลากุเลาตากใบอย่างเดียว
เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS