ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคกล้า แสดงความเห็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจคนตัวเล็ก พร้อมให้รายละเอียดได้อย่างน่าสนใจ โดยนายวรวุฒิ ระบุว่า ทำไมถึงต้องเป็นเศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็ก 3 แนวทาง-สร้างโอกาส-ติดอาวุธ-ให้แต้มต่อ
เพราะผมเคยเป็นคนตัวเล็กมาก่อนครับ ทราบดีว่ามีปัญหามากมายขนาดไหน อย่างสมัยเมื่อผมทำธุรกิจร้านเครื่องเขียนห้องแถว กว่าจะสร้างธุรกิจให้เติบโตขึ้นได้นั้น ต้องฟันฝ่าอุปสรรคนับไม่ถ้วน จนวันนึงเมื่อมีโอกาส ก็อยากจะช่วยให้ ‘คนตัวเล็ก’ ไม่ว่าพ่อค้า แม่ค้า หรือ SME และ Startup รายเล็กๆ ที่มีโอกาสน้อยกว่าธุรกิจใหญ่ๆ เยอะมาก ทั้งด้านเงินทุน ดอกเบี้ย ฯลฯ ได้มีโอกาสเติบโตได้ง่ายขึ้นกว่าตัวผม
ผมจึงถือว่าการสนับสนุน ‘เศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็ก’ เป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน เพราะว่าถ้าคนทำธุรกิจขนาดเล็ก สามารถเติบโตขึ้นได้ สร้างยอดขายจาก 100 เป็น 110 บาท สามารถสร้าง GDP เพิ่มขึ้นได้ถึง 10% อย่างเห็นผลทันตา และเป็นการกระจายรายได้ ทำให้เศรษฐกิจประเทศแข็งแกร่งมากกว่าการมีทุนใหญ่ผูกขาดอยู่แค่ไม่กี่เจ้า ซึ่งผมขอเสนอ 3 แนวทางสู่การสร้าง ‘เศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็ก’ ดังนี้ครับ
1.สร้างโอกาส ให้คนตัวเล็ก
การสร้างโอกาสนั้น เป็นสิ่งที่คนตัวเล็กโหยหาและเรียกร้องกันมาโดยตลอด ที่ผ่านมาคนตัวเล็กแต่ละคนนั้นสร้างโอกาส ด้วยตัวเองกันแทบทั้งสิ้น มีน้อยมากครับที่จะได้รับการสร้างโอกาสโดยรัฐจัดสรรให้ โอกาสที่รัฐควรจะสร้างให้นั้น ควรจะเป็นโอกาสต่างๆดังนี้
1.1 โอกาสที่จะอยู่รอด
คนตัวเล็กๆ หลายต่อหลายคน แค่โอกาสที่จะอยู่รอดแทบจะไม่มีเลย ลองนึกถึงคนหาเช้ากินค่ำ ที่ต้นทุนทางการเงินต้องไปกู้เงินนอกระบบดูสิครับ ดอกเบี้ยที่สูงกว่า 7-8% ต่อเดือน ในขณะที่คนกู้เงินในระบบธนาคารและตลาดทุนเสียดอกเบี้ยแค่ 7-8% ต่อปี หรือต่ำกว่านั้น แค่นี้ก็ต่างกันฟ้ากับดินแล้ว เรื่องแบบนี้ครับ รัฐต้องสร้างโอกาสที่จะอยู่รอดให้กับคนตัวเล็ก ในการจัดสร้างความช่วยเหลือพื้นฐานต่างๆ ให้คนตัวเล็กมีโอกาสที่จะรอดในการทำธุรกิจได้บ้าง
1.2 โอกาสที่จะเติบโต
เมื่อสร้างโอกาสให้อยู่รอดนั้นยังไม่พอ รัฐควรจะมีการสร้างโอกาสที่จะเติบโตให้กับคนตัวเล็กๆ เติบโตเป็นคนตัวใหญ่ได้ด้วย ในประเทศไทยนั้นคนตัวเล็กแค่อยู่รอดก็ยากแล้ว อยู่อย่างไรให้โตยิ่งยากใหญ่ รัฐเราช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยน้อยเกินไปมาก เมื่อเทียบกับ จีน เกาหลี ไต้หวัน สิงคโปร์ นั่นจึงทำให้เรามี SME และ Startup ที่มีศักยภาพเป็นจำนวนมาก แต่สามารถเติบโตขึ้นไปเป็นบริษัทใหญ่มีแค่ไม่กี่บริษัทเท่านั้นเพราะขาดการผลักดันอย่างจริงจังจากภาครัฐฯ
โอกาสที่จะเติบโต ของธุรกิจไทยโดยคนตัวเล็กต้องดีกว่านี้
2.ติดอาวุธ ให้คนตัวเล็ก
การที่คนตัวเล็ก จะมีโอกาสอยู่รอดและเติบโตนั้น เราต้องมีการติดอาวุธให้กับคนตัวเล็กทั้งหลายครับ การติดอาวุธให้คนตัวเล็กนั้น ต้องเป็นนโยบายหลักของรัฐ เป็นการช่วยเหลือและเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการตัวเล็กๆ รอคอยตลอดมา ตัวอย่างเช่น
2.1 ติดอาวุธในการเข้าถึงต้นทุนทางการเงินที่ต่ำ และมีวงเงินที่พอเพียงในการทำธุรกิจ
เรื่องนี้คนตัวเล็กๆ โหยหากันมานานครับ แต่ยังไม่เห็นแนวทางที่ชัดเจนจากภาครัฐออกมา ในยุคเทคโนโลยีทาง Fin Tech มีตัวอย่างแนวทางที่ช่วยเหลือผู้ประกอบการอยู่หลายวิธี ทั้งรูปแบบที่ประสบความสำเร็จในประเทศอื่น รัฐจำเป็นต้องนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ครับ
2.2 ติดอาวุธด้านการบริหารจัดการที่ถูกต้องแก่ผู้ประกอบการ
เรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่อีกข้อที่ผู้ประกอบการในประเทศไทย ต่างคนต่างทำโดยไม่มีคำแนะนำปรึกษา ที่ช่วยเหลือให้ไปในแนวทางที่ถูกต้อง รัฐควรจะให้ความสำคัญกับหน่วยงานที่ช่วยเหลือส่งเสริม SME คนตัวเล็กๆมากกว่าที่เป็นอยู่ เช่น สสว. (สถาบันส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม) ธนาคาร SME
ให้มีบทบาทเสมือนเป็นเพื่อคู่คิดของคนตัวเล็ก รวมไปถึงผลักดันให้เกิด สภา SME ที่มีความสำคัญเช่นเดียวกับ สภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า เพื่อเป็นปากเสียงของคนตัวเล็กเพื่อคนตัวเล็ก
ตลอดจนผลักดันสมาคมการค้าวิชาชีพต่างๆ ให้มีการรวมตัวกันและสามารถทำงานร่วมกับภาครัฐ ในการให้ความรู้ความเข้าใจในแนวทางการทำธุรกิจที่ถูกต้องแก่ผู้ประกอบการคนตัวเล็กๆ
2.3 ติดอาวุธด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม และงานดีไซน์
เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าของผู้ประกอบการไทยคนตัวเล็กๆ และเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทย ไปสู่ตลาดโลกได้ดีขึ้นอีกด้วย การใช้เทคโนโลยีในการแปรรูปสินค้าเกษตรและยืดอายุผลผลิตที่ปลอดภัยตามมาตราฐานสากลให้ส่งออกได้
การวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ในหลายกลุ่มของสินค้าไทย ยังถือว่าต่ำไปมาก หรือแม้กระทั่ง สตรีทฟู้ดส์ ของไทยก็ต้องการการดีไซน์ออกแบบ และใช้แนวคิดใหม่ๆในการแก้ปัญหา และยกระดับมาตรฐานทั้งสิ้น การติดอาวุธด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม และงานดีไซน์ จึงเป็นสิ่งที่รัฐต้องหาหนทางที่เป็นรูปธรรมช่วยเหลือให้ดีกว่าที่ผ่านมา
2.4 ติดอาวุธด้านการส่งออกสินค้า
เรื่องการส่งออกนั้นแตกต่างจากในอดีต ที่เป็นเรื่องของผู้ประกอบการรายกลางและรายใหญ่เท่านั้นจึงจะทำได้ แต่ในปัจจุบัน ในยุคที่ อีคอมเมิร์ซ เป็นวีถีการค้าใหม่ไปแล้วนั้น ผู้ประกอบการรายเล็กๆ แม้กระทั่งเกษตรกรไทย ควรจะได้รับการติดอาวุธ ให้สามารถขายสินค้าไทยไปทั่วโลกได้ง่ายขึ้น
รัฐต้องช่วยสนับสนุน และมีมาตรการทางราชการและทางภาษีที่เกื้อหนุนคนตัวเล็กอย่างเป็นรูปธรรมกว่าที่ผ่านมา เช่น ลดระเบียบขั้นตอนหรือควบรวมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้คนตัวเล็กสามารถเข้าถึงได้ง่าย เสริมนโยบายกระตุ้นทางภาษีเพื่อการส่งออกของผู้ประกอบการรายเล็ก
2.5 ติดอาวุธให้ผู้ประกอบการรู้จักใช้เทคโนโลยี
ในการสร้างโอกาสในการหารายได้ใหม่ๆ ด้วยนโยบาย “มือถือสร้างรายได้” เรื่องนี้รัฐต้องช่วยสนับสนุนการค้าขายออนไลน์ให้ลงไปถึงรากหญ้าและเกษตรกรไทย ให้ได้อย่างที่จีนทำได้มาแล้ว และทำให้คนจนในประเทศจีนลดจำนวนลดลงอย่างมาก ในเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา
3.ให้แต้มต่อ แก่คนตัวเล็ก
ประเทศไทยมักจะให้แต้มต่อแก่คนตัวใหญ่ ส่วนคนตัวเล็กกลับถูกกีดกัน ด้วยกฎหมาย ด้วยกฎกติกา และด้วยต้นทุนในการทำธุรกิจที่สูงกว่ามาตลอด ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องคิดถึงการให้แต้มต่อแก่คนตัวเล็กอย่างจริงจัง
3.1 แต้มต่อทางต้นทุนทางการเงิน
คนตัวเล็กๆจะต้องเข้าถึงต้นทุนทางการเงินที่ต่ำและมีวงเงินที่พอเพียงหมุนเวียนเพื่อความอยู่รอดและการขยายกิจการ ใครกลุ่มไหนสมควรมีแต้มต่อ และจะจัดสรรผ่านสถาบันการเงินใด ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องหาทางออกให้เป็นรูปธรรมขึ้นมาครับ โดยจำเป็นต้องยกกลุ่มคนตัวเล็ก ธุรกิจรายย่อยขึ้นมาเป็นหลัก ใช้การให้คะแนนเครดิตทางเลือก (Alternative Credit Scoring) มากขึ้น
เพราะธุรกิจในโลกปัจจุบันมีรูปแบบที่เปลี่ยนไป เช่น เราไม่สามารถนับจำนวนที่นั่งในร้านอาหารเพื่อตีเป็นประมาณการรายได้อีกต่อไป แต่ต้องดูจำนวนการสั่งอาหารทั้งทางโทรศัพท์ และออนไลน์มากขึ้น ดังนั้นรูปแบบในการพิจารณาสินเชื่อให้คนตัวเล็กจึงต้องปรับให้เอื้อกับวิถีเพื่อการเข้าต้นทุนทางการเงินที่เท่าเทียม และโอกาสในการเติบโตลืมตาอ้าปากที่มากขึ้น
3.2 ทลายการผูกขาดของรายใหญ่ และให้แต้มต่อแก่รายเล็ก
วิธีนี้รัฐแทบจะต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ในเรื่องนี้ ตัวอย่างเช่น เบียร์คราฟท์ที่รายเล็กติดขัดและถูกกีดกันจากกฎระเบียบทางกฎหมาย จนไม่สามารถประกอบธุรกิจแข่งกับรายใหญ่ได้เลย ทั้งนี้ต้องหาทางให้แต้มต่อรายเล็กจึงจะถูก ขณะเดียวกันต้องหามาตรการยกระดับมาตรฐานสินค้าของรายเล็กให้มีมาตรฐานสูงพร้อมกันไปด้วย
3.3 ให้แต้มต่อทางต้นทุนการใช้ชีวิต และต้นทุนการประกอบการ
เรื่องนี้ผู้ประกอบการคนตัวเล็กควรได้รับแต้มต่อ แต้มต่อจะเป็นรูปแบบใด วงเงินเท่าไหร่เป็นสิ่งที่รัฐต้องนำไปพิจารณาต่อ เพื่อไม่ให้งบประมาณขาดดุลมากเกินกว่าที่รัฐจะรับได้ แต่การช่วยเหลือด้านนี้จะส่งผลดีในแง่รายได้ภาษีอื่นๆที่รัฐจะจัดเก็บได้มากขึ้น เมื่อคนตัวเล็กๆเหล่านี้ค้าขายทำธุรกิจได้ดีขึ้น
3.4 ให้แต้มต่อด้านค่าส่งสินค้าเมื่อขายสินค้าออนไลน์
ในประเทศจีนมีการชดเชยค่าขนส่งสินค้าในการขายสินค้าออนไลน์ให้แก่ภาคเอกชน เราควรจะนำมาปรับใช้ เช่น ให้เกษตรกร หรือสินค้า OTOP ที่ขายสินค้าออนไลน์ รัฐช่วยออกค่าขนส่งสินค้าให้ เมื่อมีการขายผ่านช่องทางออนไลน์ในปีแรก และส่งพัสดุนั้นผ่านไปรษณีย์ไทย อาจมีการกำหนดวงเงินไว้ชดเชยเป็นรายปี ตัวอย่างเช่น ให้เกษตรกรรายละ3000 บาทต่อคนต่อปี ในการจ่ายค่าขนส่งฟรีผ่านไปรษณีย์ไทย เป็นต้น
ทั้งหมดนี้สามารถกำหนดให้ เกษตรกรได้วงเงินคนละเท่าไหร่ สินค้า OTOP ได้วงเงินคนละเท่าไหร่
วิธีให้แต้มต่อนี้ จะช่วยกระตุ้นให้เกษตรกรและSME ทั่วประเทศ ปรับตัวในการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว และลดการพึ่งพิงพ่อค้าคนกลางอีกด้วย
เป็นนโยบายที่ประเทศจีนใช้ในการแก้ปัญหาความยากจน และความเหลื่อมล้ำอย่างได้ผลดีมากวิธีหนึ่ง ทั้งหมดเป็นแนวคิด เศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็ก ด้วยการสร้างโอกาส ติดอาวุธ และให้แต้มต่อ เพื่อการพัฒนาคนตัวเล็กอย่างแท้จริง
You must be logged in to post a comment Login