อาจารย์อุ๋ย ชี้ ทักษิณไม่ได้เป็น และไม่สามารถเป็นสมาชิกพรรคการเมืองได้ เหตุขาดคุณสมบัติ เรียกเพื่อไทย-พรรคร่วม หารือตั้งนายกฯ ครอบงำพรรคการเมือง โทษถึงยุบพรรค
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่านายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งยังมีสถานะเป็นนักโทษที่อยู่ระหว่างพักโทษ ได้เชิญแกนนำของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อหารือในประเด็นบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 นั้น…
นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย หรืออาจารย์อุ๋ย นักวิชาการด้านกฎหมายและอดีตผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิ พรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงความเห็นว่า
“คุณทักษิณไม่ได้เป็น และไม่สามารถเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด ๆ ได้ เพราะขาดคุณสมบัติตามมาตรา 24 แห่ง พรป. ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ประกอบรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 98 เพราะเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในคดีทุจริต
ดังนั้น การที่คุณทักษิณเทียบเชิญพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล มาร่วมหารือเพื่อตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่และจัดตั้งรัฐบาล จึงเข้าข่ายกระทำความผิดตามมาตรา 29 แห่ง พรป. พรรคการเมือง ซึ่งกำหนดห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งไม่ใช่สมาชิกกระทำการใดอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม โดยมาตรา 108 กำหนดให้ผู้ที่ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ ห้าถึงสิบปี
นอกจากนี้ แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่ปล่อยให้คุณทักษิณซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรคเข้ามากระทำการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคตัวเอง ก็มีความผิดตามมาตรา 28 ของกฎหมายฉบับเดียวกัน ซึ่งมาตรา 92 กำหนดให้พรรคการเมืองที่ฝ่าฝืนต้องถูกยุบพรรคและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรค ผมจึงขอฝากให้ กกต. พิจารณาเรื่องนี้โดยเร็ว
ยิ่งไปกว่านั้น การที่พรรคร่วมรัฐบาล ไปหาคุณทักษิณ ซึ่งยังมีสถานะเป็นนักโทษคดีทุจริตถึงบ้านจันทร์ส่องหล้า เพื่อเจรจาในการจัดตั้งรัฐบาล ผมก็ยังสงสัยว่านักลงทุนต่างชาติเขาจะมองเราอย่างไรที่ให้ปล่อยให้นักโทษในคดีทุจริตเป็นผู้นำในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ซึ่งสวนทางกับมาตรฐานของสากลโลกในเรื่องระบบนิติธรรม สหประชาชาติได้ประกาศให้หลักนิติธรรมเป็น 1 ใน 17 เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ตั้งแต่ พ.ศ. 2558 เพราะหลักนิติธรรมที่เข้มแข็งจะทำให้นักลงทุนต่างชาติมีความมั่นใจในระบบกฎหมายของประเทศที่ตนจะมาลงทุน ไม่ต้องกังวลกับ ‘ต้นทุน’ หรือ cost ที่มองไม่เห็น และคาดการณ์ไม่ได้ ซึ่งอาจจะต้องหมดไปกับการคอร์รัปชันและการเผชิญกับอุปสรรคที่เกิดจากกฎหมายหรือการบังคับใช้กฎหมายที่บิดเบือน
สุดท้ายนี้ผมขอฝากให้ทุกฝ่ายตัดสินใจดำเนินกิจกรรมทางเมือง ภายใต้หลักนิติรัฐ นิติธรรม และยึดผลประโชน์ของชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง ด้วยความปรารถนาดี
#เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS