Connect with us

News

คนไทยอดทนอย่างสุดๆ แล้ว จะต้องให้ประชาชนทนไปอีกนานแค่ไหน !!

Published

on

สุดารัตน์ จี้ รัฐบาล เช่า โรงแรมเปล่า เป็นสถานที่กักตัว ซัด! ตั้งแต่เริ่มระบาด ก็หาหน้ากากไม่เจอตอนนี้น้ำยาตรวจไม่พอ เตียงไม่พอ วัคซีนช้า ไม่เพียงพอ และตัวเลือกน้อย

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ แกนนำกลุ่มไทยสร้างไทย เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กว่า วันนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศพุ่งกว่า 1,500 คนแล้ว ในขณะที่ผู้นำประเทศทั่วโลก กำลังเร่งทำงานแข่งกับเวลา เร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในประเทศของเขาให้ได้เร็วที่สุด มากที่สุด ให้เกิด’ภูมิคุ้มกันหมู่’ เพื่อจะหยุดการแพร่ระบาดของ COVID 19 ทำให้เปิดประเทศได้ และฟื้นเศรษฐกิจได้เร็วที่สุด เพราะผู้นำแต่ละประเทศได้มองเห็นตรงกันว่า วัคซีนไม่ใช่เพียง เครื่องมือหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโรคเท่านั้น แต่วัคซีนจะข่วย”ปั้มหัวใจของเศรษฐกิจ”อีกด้วย

ดังนั้น รัฐบาลของประเทศต่างๆ ทั่วโลกจึงขวนขวายทุ่มเทกำลังอย่างเต็มที่เพื่อจัดหาวัคซีนมาให้กับประชาชนของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา ยุโรป รวมทั้งในเอเชียหันกลับมาดูที่ประเทศไทย ผู้นำของเราเข้าใจปัญหา และเห็นความจำเป็นเร่งด่วนในการจัดหาวัคซีนให้กับคนไทย หรือไม่ รวมทั้งได้พยายาม และเอาจริงเอาจังกับการจัดหาวัคซีน ให้ได้เร็ว และมากพอหรือไม่

ในฐานะที่เคยรับผิดชอบบริหารจัดการโรคอุบัติใหม่อย่าง’ซาร์ส’และ’หวัดนก’ ดิฉันจึงมีข้อห่วงใยต่อการรับมือกับปัญหาCOVID ของรัฐบาล โดยเฉพาะประเด็นในเรื่องของการจัดหาวัคซีน ที่ช้า ไม่เพียงพอ และมีตัวเลือกเพียง 2 ชนิด

ดิฉันเห็นว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลไทยต้องปรับแผนการจัดการวัคซีนใหม่ ต้องเร่งฉีดให้กับคนไทยอย่างน้อย 70% หรือ 50 ล้านคนให้จบภายในสิ้นปีนี้ เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ และสามารถเปิดประเทศ เปิดการค้าขายได้ในสิ้นปีนี้ให้ทันกับประเทศอื่นๆ ที่เขามีแผนงานการฉีดวัคซีน และกำหนดการเปิดประเทศที่ชัดเจนกันแล้ว จึงขอเสนอให้รัฐบาลเร่งดำเนินการ อย่างจริงจังในประเด็นต่อไปนี้
1) เร่งเจรจาจัดหาซื้อวัคซีนจากผู้ผลิตเจ้าอื่นๆเพิ่มเติมอีก 40ล้านโดส เพื่อให้เพียงพอต่อการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เราต้องฉีดให้ประชาชนอย่างน้อย 50 ล้านคน และให้จัดซื้อจากผู้ผลิตหลากหลาย เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกมากกว่า 2 เจ้า ที่รัฐบาลสั่งซื้อไปแล้ว และมีปัญหาทั้งเรื่องประสิทธิภาพและผลข้างเคียงทั้ง 2 เจ้า

2) เร่งวางแผนการฉีดให้ประชาชนให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วกว่าในปัจจุบัน ที่เรามีอัตราการฉีดต่อวันน้อยมาก เราได้วัคซีนล๊อตแรก ตั้งแต่ 28 ก.พ.จำนวน 945,000 โดส ถึงวันนี้ผ่านไป 40 กว่าวัน เพิ่งฉีดได้แค่ 300,000 กว่าโดส หรือแค่ 1 ใน 3 ของวัคซีนที่เข้ามา เฉลี่ยฉีดได้เพียง 7,500 โดส/วัน (แต่รัฐบาลบอกว่าฉีดได้ 20,000 โดส/วัน) จนทำให้คนไทยได้รับวัคซีนช้าเป็นลำดับบ้วยของอาเซียน

ถ้ารัฐบาลฉีดได้ 20,000 โดส/วัน เราต้องใช้เวลาถึง 3,150 วัน กว่าจะฉีดได้ครบ 63 ล้านโดสที่สั่งไปแล้ว ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องเร่งวางแผนการฉีด และกระจายวัคซีนให้มีประสิทธิภาพมากกว่าในปัจจุบัน

นอกจากนี้ดิฉ้นเคยเสนอตั้งแต่มีนาคมปีที่แล้ว ในการจัดการ “Endgame COVID.”
ด้วยการปูพรมตรวจเชิงรุก ให้คนเข้าถึงการตรวจได้’ง่าย+ฟรี’ แต่จนป่านนี้รัฐบาลก็ยังไม่ทำ ในการระบาดรอบใหม่นี้ ยิ่งต้องตรวจเชิงรุกให้มากที่สุด เพราะเชื้อแพร่เร็ว ติดกันง่าย จะได้เร่งนำคนติดเชื้อที่มีอาการเข้ารพ. รักษา คนไม่มีอาการให้ไปดูอาการในสถานที่รัฐจัดให้ ซึ่งในปัจจุบันรัฐบาลไปจัดทำรพ.สนาม ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีสภาพเหมาะสมที่จะพักอาศัย แถมอาจจะทำให้ติดเชื้อมากขึ้น

ดิฉันเสนอให้รัฐบาล ไปเช่าโรงแรม ที่ว่างอยู่เต็มไปหมด จัดเป็นสถานที่พักดูอาการของผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ โดยจัดเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าไปจัดการบริหาร การระบาดรอบนี้ไม่ใช่ครั้งแรก รัฐบาลมีเวลาเตรียมตัวมาปีกว่าแล้ว งบประมาณก็มีมากมายทั้งงบประจำ และเงินกู้ แต่การ บริหารจัดการยังมีปัญหาอยู่เช่นเดิม ตั้งแต่เริ่มการระบาด ก็หาหน้ากากไม่เจอตอนนี้น้ำยาตรวจไม่พอ เตียงไม่พอ วัคซีนช้า ไม่เพียงพอ และตัวเลือกน้อย

ทั้งหมดคือการไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทั้งสิ้น นายกต้องหยุดโทษ! ประชาชน และกลับไปทบทวนการทำงานของตัวเองเสียใหม่ คนไทยอดทนอย่างสุดๆแล้วคำถามคือจะต้องให้ประชาชนทนไปอีกนานแค่ไหนคะ

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Click to comment

You must be logged in to post a comment Login

Leave a Reply

Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: