“ทนายนกเขา” ประเมินทุกมิติหลังเลือกตั้ง เชื่อประเทศไม่ราบรื่น ทุกหนทางล้วนเผชิญวุ่นวาย ขัดแย้งลุกลาม มั่นใจเสียงแต่ละฝ่ายออกมาย่อมเจอทางตัน
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “กระดานการเมือง ก่อน-หลังเลือกตั้ง ตอน 2” โดยเชื่อว่า หลังเลือกตั้ง และได้รัฐบาลใหม่จากส่วนผสมเดิมๆ ประเทศไทยจึงไม่ได้เริ่มเปลี่ยนใหม่ สิ่งสำคัญความ ขัดแย้งหลากหลายจะก่อตัว ขยายความวุ่นวายทั่วประเทศ
นายนิติธร ขมวดสถานการณ์หาเสียงเลือกตั้งก่อนวันหย่อนบัตรว่า เลือกตั้งครั้งนี้ยังอยู่ที่ “เอาประยุทธ์หรือไม่” ซึ่งเสียงข้างมากแสดงชัดขึ้นว่า “ไม่เอาประยุทธ์” จึงทำให้เสียงพรรคร่วมรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้เสียงต่ำกว่าเดิมที่เคยได้ในปี 2562
ส่วนการชูประเด็นช่วงปราศรัยโค้งสุดท้ายนั้น แต่ละพรรคล้วนพลิกเปลี่ยนหักโค่นกัน พรรคประยุทธ์ เสนอ “เปลี่ยนไม่พลิกฟ้า” พรรคเพื่อไทยชู “การเปลี่ยนทันที” แต่พรรคก้าวไกล พัฒนาแนวทางไปสู่ “เปลี่ยนพลิกแผ่นดิน” สำหรับพรรคอื่นเน้นชูแนวทางกลางๆ หวังแค่อยู่รอดในสถานการณ์เลือกตั้งครั้งนี้
นายนิติธร กล่าวว่า ท่าทีของ ส.ว. มีความชัดเจนในการเลือกโหวตแคนดิเดตนายกฯ โดยเน้นไม่เปลี่ยน ม.112 พรรคการเมืองต้องไม่มีนโยบายกระทบสถาบัน แล้วยังพ่วงพิจารณาคนจะเป็นผู้นำต้องมีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ด้วย
สำหรับความเห็นของทหาร เมื่อพิจารณาผ่านท่าทีของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตแก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ยึดหลักมั่นกับต้องไม่มีผลกระทบความมั่นคงแบบทหาร คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เอกราช อาณาเขต ดินแดน และอัตลักษณ์ของประเทศ
“สิ่งใดกระทบในเรื่องเหล่านี้ จะไม่สอดคล้องนิติความมั่นคงของทหาร นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการแทรกแซงของต่างชาติและพิจารณาถึงการนำไปสู่ความสามัคคีของประชาชนได้หรือไม่? เมื่อพิจารณาสถานการณ์เลือกตั้งครั้งนี้ การหาเสียงของพรรคต่างๆ ล้วนไม่สอดคล้องกับนิติความมั่นคงของทหารทั้งสิ้น สิ่งนี้ต้องนำมาคิดว่า ข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น”
นายนิติธร ประเมินว่า การหาเสียงที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยไม่ได้เสียงแลนด์สไลด์แน่นอน ส่วนพรรคก้าวไกล จะได้เสียงอยู่ลำดับ 2-3 ขณะที่การร่วมรัฐบาลหลังเลือกตั้ง พรรคส่วนมากจะไม่ร่วมกับกลุ่ม รปห.เดิม ไม่จับมือกับพรรคไม่ยึดมั่นสถาบันกษัตริย์ และต้องไม่แก้ไข ม.112 แนวโน้มนี้ จึงเป็นการจับมือได้ชัดเจนขึ้น
“พรรคเพื่อไทยจะไม่จับมือกับพรรคก้าวไกล โดยดูจากทักษิณ ชินวัตร ส่งสัญญาณไม่เดินเกมสุ่มเสี่ยงกับสถาบัน ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจะไม่เลือกตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลในอันดับต้นๆ และโอกาสร่วมกันก็ไม่ง่าย หากพรรคก้าวไกลจะร่วมกับพรรคเพื่อไทยจะถูกยื่นข้อเสนอให้ลดเงื่อนไขนโยบายลง ซึ่งพรรคก้าวไกลย่อมเสียมวลชนด้วย”
นายนิติธร มั่นใจว่า พรรคก้าวไกล จึงยากที่จะมีพรรคระดับ 50 เสียงบวกมาร่วมรัฐบาลด้วย อีกอย่าง การร่วมตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยนั้น มีเงื่อนไขเฉพาะกับพรรคภูมิใจไทยด้วย เพราะช่วงโค้งสุดท้ายออกอาการตอบโต้ ขัดขวางทางการเมืองกันชัดเจน ส่วนพรรคอื่นดูเหมือนไม่มีเงื่อนไข
“แม้ทุกฝ่ายจับมือกัน แต่ไม่อาจมีเสียงรวมกันเกิน 376 ได้ ดังนั้น ทุกฝ่ายต้ออาศัยเสียง ส.ว. ในการเลือกนายกฯ โดยสภาพการเมืองหลังเลือกตั้ง จะเป็นแบบร่วมเสียงกันเป็นรัฐบาลได้เกินครึ่งเพื่อผ่านสภาผู้แทนได้ แต่เสียงไม่ผ่าน ส.ว. อีกฝ่ายหนึ่งเสียงผ่าน ส.ว. แต่ไม่ผ่านสภาฯ ดังนั้น การเมืองของสภาจะไม่สามารถเดินออกจากความคิดคำนึงของทหาร”
นายนิติธร กล่าวว่า การพูดของอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร (ลูกสาวทักษิณ ชินวัตร) ว่าทักษิณ จะมาติดคุกแล้วจะใช้สมองช่วยพรรคเพื่อไทยได้ จึงเป็นการยอมตนของพรรคเพื่อไทยแบบทักษิณคิด เพื่อไทยทำ แสดงถึงการแทรกแซงพรรค ซึ่งทหารไม่พึ่งประสงค์แน่นอน ดังนั้น จึงสะท้อนถึงถ้าเลือกพรรคเพื่อไทยจะได้ทักษิณตามมาด้วย
นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยยังไม่ตอบว่า ใครจะเป็นนายกฯ แต่น่าจะเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน หนึ่งในสามแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไปทำหน้าที่เลิกกฎหมายของ รปห. ขณะเดียวกันยังได้ปกป้องอุ๊งอิ๊ง ในช่วงบ้านเมืองวุ่นวายด้วย
นายนิติธร สรุปการประเมินว่า หลังเลือกตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยไทยยังถูกแทรกแซงของต่างชาติตามเดิมเหมือนที่ผ่านมาตลอด 90 ปี รวมทั้งไทยยังอยู่ใต้ระบบทุนนิยมโลก และจะเข้มข้นมากยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญทั้งฝ่ายค้าน-รัฐบาลจะไม่เป็นอิสระอย่างเด็ดขาดจากทุนผูกขาดที่ครอบงำการเมืองทั้งสองฝ่ายไว้เหนียวแน่นมาตลอด 8-9 ปี
“ส่วนการนับคะแนนเป็นโมฆะ จะนำไปสู่การวุ่นวาย โดย กกต.เป็นหลักในการดำเนินการให้ใบเหลือง แดง ดำ และการยุบพรรค ซึ่งพรรคเพื่อไทยกับก้าวไกลเข้าข่ายมากที่สุด ดังนั้นจึงมองไม่เห็นความราบรื่นหลังเลือกตั้ง จึงขอให้คิดกันให้ดีก่อนใช้สิทธิเลือกตั้ง”
ประเทศไทยต้องมาก่อน
#เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS
