Connect with us

Politics

ชัยธวัช อภิปราย! ก้าวไกลเสนอแก้ ม.112 ช่วยนำสถาบันฯ ออกจากความขัดแย้งทางการเมือง

Published

on

ชัยธวัช ลั่น หลายท่านไปไกล! การเลือกพิธา เป็นการล้มล้างสถานบันฯ ชี้ ก้าวไกลเสนอแก้ ม.112 เพื่อนำสถาบันฯ ออกจากความขัดแย่งทางการทางเมือง

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส. บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคก้าวไกล อธิปรายในญัตติเสนอผู้สมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ระบุว่า

ทำไมในวันนี้พวกเราควรลงมติให้คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป แทนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

อันที่จริงแล้ววันนี้ผมคงไม่จำเป็นต้องมาอภิปรายถึงเรื่องคุณสมบัติของคุณพิธา รวมถึงนโยบายของพรรคก้าวไกลในรัฐสภาแห่งนี้ เพราะผมถือว่าประชาชนทั้งประเทศรวมถึง สมาชิกรัฐสภาทุกท่านเราต่างก็ได้ใช้วิจารณญาณของตัวเอง พิจารณาและลงมติหนึ่งคนหนึ่งเสียงเท่าเทียมกันผ่านการเลือกตั้งไปแล้วเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566

และเมื่อผลปรากฏว่า พรรคก้าวไกล ซึ่งได้เสนอชื่อคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ได้ชนะการเลือกตั้งและสามารถรวมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้ทั้งสิ้น 312 เสียงจากพรรคการเมือง 8 พรรคได้แล้ว คุณพิธาก็ควรได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีตามครรลองปกติของระบอบประชาธิปไตยรัฐสภา

เรื่องก็ควรจะเรียบง่ายตรงไปตรงมาแบบนี้มิใช่หรือครับ แต่บรรยากาศที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราตลอดสองเดือนที่ผ่านมา จนกระทั่งถึงวันนี้ ทำให้เกิดคำถามดังดังในใจของพี่น้องประชาชนจำนวนนับล้านคนที่กำลังเฝ้าดูจับตาการประชุมสภาในวันนี้ด้วย

เกิดคำถามในใจของเขาว่า หากนายกรัฐมนตรีคนใหม่ไม่เป็นไปตามผลการเลือกตั้ง แล้วเราจะมีการเลือกตั้งไปทำไม ตกลงอำนาจอธิปไตยของประเทศนี้เป็นของปวงชนชาวไทยตามที่ปรากฏบัญญัติอยู่ในรัฐธรรมนูญจริงๆ หรือไม่ หรือเป็นของใครกันแน่ และยังมีคำถามคำโตโตว่า ตกลงประชาชนอยู่ตรงไหนในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

อันที่จริงคำถามในใจของประชาชนทำนองนี้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่มันจะเกิด แต่มันเป็นคำถามที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ ตลอดเกือบสองทศวรรษที่ผ่านมา เราผ่านการเลือกตั้งมาแล้วห้าครั้ง ผ่านการรัฐประหารสองครั้งผ่าน ความพยายามที่จะเขียนรัฐธรรมนูญฉบับถาวรหลังรัฐประหารสองฉบับผ่านแม้กระทั่งความพยายามจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหารหนึ่งครั้ง การยุบพรรคการเมือง ที่ยุบแล้วยุบอีก การชุมนุมของประชาชนฝ่ายต่างๆ และการปะทะกันบนท้องถนนนับไม่ถ้วน มีผู้ถูกดำเนินคดีจำคุกบาดเจ็บรวมถึงเสียชีวิตรวมแล้วนับ 100 นับ 1000 จากความขัดแย้งทางการเมืองที่ยังไม่ทราบว่าจะยุติเมื่อไหร่

ทว่าเกือบสองทศวรรษ สังคมไทยยังไม่สามารถที่จะหาคำตอบที่พวกเรายอมรับร่วมกันได้สักที

ปัญหาก็คือ ตราบใดที่พวกเราจะไม่สามารถหาคำตอบแห่งยุคสมัยนี้ได้ สังคมไทยก็จะหยุดนิ่ง จมดิ่ง ว่ายวนอยู่กับวงจรเดิมๆ มองไม่เห็นอนาคตไปอีกนาน

อย่างไรก็ดี การเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา และการลงมติของรัฐสภาในวันนี้ จะเป็นโอกาสสำคัญของพวกเรา พี่จะเริ่มต้นแสวงหาคำตอบครั้งใหม่ให้แก่สังคมไทย

สมาชิกหลายท่านอาจจะไม่เห็นด้วยกับพรรคก้าวไกลในบางเรื่อง หลายท่านอาจจะกังวลใจในความเปลี่ยนแปลงที่พวกเราไม่คุ้นเคยหรือไม่รู้จัก มีข้อกล่าวหามากมายซึ่งส่วนหนึ่งก็สะท้อนจากการอธิบายของท่านสมาชิกสองท่านแรก

ไม่ว่าความกังวลใจว่า พวกเราจะพยายามเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ หรือระบบการปกครองหรือไม่ พวกเราพยายามที่จะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่กลายเป็นสถาบันหลักของชาติอีกหรือไม่ เจตนาที่แท้จริงของการเสนอให้มีการแก้ไขปรับปรุงมาตรา 112 ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายหลายนโยบายของเราเป็นอย่างไร

ประเด็นสำคัญที่อยากจะกล่าวเอาไว้ในที่นี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อเสนอใดใดของเรา มันอยู่บนฐานความคิดที่ว่าสถาบันหลักของชาติหรือสถาบันการเมืองใดใดก็ตามจะดำรงอยู่ได้ก็ด้วยความยินยอมพร้อมใจของประชาชน ไม่มีสถาบันใดที่ จะสามารถดำรงอยู่ได้ด้วยการกด ปราบ บังคับ และนี่เป็นสิ่งที่เราพยายามจะเตือนให้สติ กับทั้งสมาชิกในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกในรัฐสภา และกลับสังคมไทยกับผู้มีอำนาจทุกฝ่าย ขอให้ตั้งสติและมองการไกล เข้าใจสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน แล้วเล็งเห็นให้ได้ ว่าวิธีการอะไร กุศโลบายอะไรที่ดีที่สุดที่จะสามารถรักษาสิ่งที่พวกเรารัก สิ่งที่หลายคนหวงแหนให้ดำรงอยู่ให้ได้ในสังคมที่มีพลวัตตลอดเวลา

เราไม่เชื่อว่าสิ่งใดใดจะดำรงอยู่ได้ด้วยการสถิตอยู่เหมือนเดิมทุกประการแล้วจะมั่นคงสถาพร

แล้วมันไปไกลถึงขั้นที่ว่าหลายท่านบอกว่า การเลือกการลงมติให้คุณพิธา จากพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี จะเป็นการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นการไม่รักชาติ เป็นการไม่เคารพรักสถาบันพระมหากษัตริย์ นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง ที่ไม่ควรเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เพราะพระมหากษัตริย์ และสถาบันพระกษัตริย์ ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ต้องอยู่เหนือการเมือง ต้องอยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมือง แล้วมันอันตรายมากที่เมื่อไหร่ต่างฝ่ายต่างดึงเรื่องนี้เข้ามาพัวพันในความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งก็เห็นอยู่แล้วว่าตลอดเกือบสองทศวรรษที่ผ่านมา ผลในวันนี้เป็นอย่างไร

เราพยายามที่จะเสนอว่าต้องช่วยกันนำสถาบันพระมหากษัตริย์ออกจากความขัดแย้งทางการเมือง และการยิ่งนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาปะทะกับผลการเลือกตั้งจึงไม่สมควรอย่างยิ่ง ใครจะรับผิดชอบจากการกระทำแบบนี้

สุดท้ายผมอยากจะเชิญชวนท่านสมาชิก ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา ลงมติให้คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่

เหตุผลไม่ใช่เพราะทุกท่านรักคุณพิธา ไม่ใช่เพราะทุกท่านเห็นชอบ เห็นด้วยกับพรรคก้าวไกลไปเสียทุกเรื่อง แต่มันจะเป็นการลงมติเพื่อคืนความปกติ มันจะเป็นการลงมติเพื่อแสดงความเคารพต่อประชาชน เป็นการลงมติเพื่อให้โอกาสครั้งใหม่ให้แก่สังคมไทย เป็นการลงมติเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการแสวงหาคำตอบแห่งยุคสมัยร่วมกันให้ได้

สุดท้ายผมขออวยพรให้ประชาชนซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในระบอบประชาธิปไตย คุ้มครองสมาชิกรัฐสภาทุกท่านที่จะตัดสินใจอย่างกล้าหาญ ตามมโนธรรมสำนึกและเจตจำนงที่พี่น้องประชาชนได้แสดงออกไปแล้ววันที่ 14 พฤษภาคม 2566

#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: