ทนายคนดัง! ไขคำตอบ กกต.ส่งเรื่องถือครองหุ้นสื่อไปศาลรธน.รวดเร็วปานกามนิตหนุ่ม จริงหรือ?

ทนายบอน ณัฐนันท์ เผย ปมถือครองหุ้น จะสมัคร ส.ส. ไม่ได้ หรือถ้าเป็น ส.ส. แล้วมาถือครองภายหลัง ต้องหลุดจากตำแหน่ง ทันที

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายณัฐนันท์ กัลยาศิริ หรือ ทนายบอน อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ กกต.ส่งเรื่องถือครองหุ้นสื่อไปศาลรัฐธรรมนูญ รวดเร็วปานกามนิตหนุ่ม จริงหรือ? ระบุว่า เรื่อง “การถือครองหุ้นสื่อ” เป็นเรื่อง “ลักษณะต้องห้าม” คือ จะสมัคร ส.ส. ไม่ได้ หรือถ้าเป็น ส.ส. แล้วมาถือครองภายหลัง ต้องหลุดจากตำแหน่ง ทันที

เรื่อง “ลักษณะต้องห้าม” นี้ … ถ้าตรวจพบก่อนสมัคร ความจริง กกต. มีอำนาจ “ไม่รับสมัคร” ตั้งแต่ต้นได้ โดยผู้ถูกตัดสิทธิมีโอกาสยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาภายใน 7 วัน สรุป กกต. ก็รับสมัครให้แล้ว … ผ่านไป

ถ้าสมัครไปแล้ว เพิ่งมาตรวจพบก่อนวันลงคะแนน ความจริง กกต. มีอำนาจ ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา ให้ถอนชื่อออกจากผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ กกต. ก็ไม่ได้ทำ … ผ่านไป
ก่อนรับรองผลการเลือกตั้ง กกต. ก็ประชุมกันแล้วว่าจะรับรองก่อน หรือส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเลย ปรากฏว่า กกต. ก็รับรองไปก่อน … ผ่านไป

เมื่อมาถึงตอนนี้ กกต. รับรองผลให้แล้ว รัฐธรรมนูญบัญญัติว่าหากพบกรณีมี “ลักษณะต้องห้าม” ดังกล่าว ให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย อันนี้ก็ดอกสุดท้ายแล้ว ไม่มีกฎหมายไหนให้อำนาจถือเรื่องไว้อีกแล้ว กกต. ก็มีมติส่งเรื่องให้ศาลวินิจฉัย
ถ้า กกต. ไม่ทำแบบนี้ก็คงต้องกอดเรื่องต่อไปเรื่อยๆ ไม่วินิจฉัย คำถามคือ ต้องกอดไปถึงเมื่อไหร่ถึงจะพอใจ

ผมไล่เรียงดูก็ยังไม่มั่นใจว่า อันนี้เรียกว่า กกต. รวดเร็วปานกามนิตหนุ่ม อย่างที่ถูกชื่นชมจริงมั๊ย … นึกไม่ออกเลยว่าถ้า กกต. ใช้อำนาจ “ไม่รับสมัคร” ตั้งแต่ตอนแรก (แบบที่ผู้สมัครหลายคนโดนแต่ไม่มีใครกระจองอแง) จะถูกคนกลุ่มนี้ชื่นชมในความรวดเร็วขนาดไหน สงสัยคงถูกเรียกว่ากามนิตขี่จรวดมั๊งครับ