เฉลิม ชี้ งบลับประยุทธ์ มี 8-9 แสนล้านบาท เป็นการเอาไปใช้ตามใจ
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร และคณะพรรคเพื่อไทย
โดย เฉลิม ได้เปิดเผยถึงความรู้สึกในการมาร่วมงานวันนี้ว่า ส่วนตัวรู้สึกดีใจเพราะที่ผ่านมาก็เคยได้เป็นส.ส.ในพื้นที่บางแคมาหลายสมัย จากนั้นก็ได้ก้าวมาสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีซึ่งเคยคุมกระทรวงมหาดไทย และก็ได้ดูแลในพื้นที่บางแคมาโดยตลอด จึงเชื่อมั่นว่าผู้สมัคร ส.ส.ในเขตนี้ จะชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ รวมถึงยังมั่นใจว่านโยบายพรรคเพื่อไทยจะตอบโจทย์ประชาชนได้อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม ต่อข้อสงสัยในนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าอาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย พ.ร.บ.เงินตรา พ.ศ. 2501 นั้น ส่วนตัวเชื่อว่า จะไม่มีปัญหาในเรื่องของการทำนโยบายดังกล่าว เพราะคนที่วิพากษ์วิจารณ์ต่างเห็นว่าพรรคเพื่อไทยทำได้จึงตกใจ เลยเป็นที่มาของการวิพากษ์วิจารณ์ว่าพรรคเพื่อไทยไม่สามารถทำนโยบายให้เกิดขึ้นได้จริงแทน
ทั้งนี้ ทีมงานของพรรคเพื่อไทยได้มีการคิดมาอย่างรอบคอบ และกำหนดกรอบไว้ชัดเจนว่า เงินดิจิทัล 10,000 บาท มีเกณฑ์การให้ประชาชนตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไปทุกคน และไม่สามารถนำไปใช้จ่ายกับสิ่งที่เป็นอบายมุขได้ อาทิ การซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือ การพนัน เป็นต้น
อีกทั้งยังมีการกำหนดกรอบระยะเวลาในการใช้ซึ่งก็คือ 6 เดือนนับจากมีการประกาศใช้ ส่วนข้อสงสัยที่ว่าเหตุใดจึงไม่แจกให้เฉพาะคนที่มีรายได้น้อยเท่านั้น ขอแจงว่า ต้องแจกให้กับทุกคนเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและเป็นตามระบอบประชาธิปไตยที่ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน
ส่วนกรณีที่ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยว่า เงินคงคลังที่จะให้รัฐบาลหน้าได้ใช้ในงบประมาณปีพ.ศ. 2567 เหลืออยู่ประมาณ 2 แสนล้านบาท ทำให้ไม่เพียงพอต่อการทำนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลที่จะใช้เม็ดเงิน 5 แสนล้านบาทนั้น เฉลิม ตอบว่า ขอถามกลับไปยังคนในรัฐบาล โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า ที่ผ่านมา ประยุทธ์ มีการตั้งงบประมาณลับขึ้นมาใช้หลายรายการ จำนวน 8-9 แสนล้านบาท เป็นการเอาไปใช้ตามใจชอบโดยไม่เคยเปิดเผยรายละเอียดการใช้ แบบนี้ไม่สร้างความเสียหายกว่าหรือ พร้อมย้ำว่า การผลักดันนโยบายดังกล่าวของพรรคเพื่อไทยจะเป็นการนำงบประมาณของรัฐบาลที่เหลือ มาเป็นจุดเริ่มต้นในการหารายได้
“บอกเงินเหลือแค่ 200,000 ล้านบาทไม่พอใช้ ไม่เป็นไร ถ้าเงินไม่พอ งบเรือดำน้ำเราจะซื้อไปทำไม กฎหมายเรารู้ ระบบราชการเรารู้ เราจะไปรื้องบทหาร งบลับที่นายกฯนั้นแหละถืออยู่เงียบๆ เราจะไปเอางบที่ใช้กันอีลุ่ยฉุยแฉก เอามาเป็นงบประมาณมาใช้เพื่อปากท้องและความกินอยู่ที่ดีของประชาชน” เฉลิม กล่าว
#เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS