ฉีดวัคซีนก่อนเศรษฐกิจจะพังพินาศ!! “ธันวา” วอน! นักการเมืองอย่าพูดเกินจริงทำประชาชนเป็นเหยื่อ

หยุดปลุกปั่นให้ประชาชนหวาดกลัวได้แล้ว!! “ธันวา” วอน นักการเมืองหยุด โจมตีจนเกินจริง ชี้ วัคซีนไม่ได้น่ากลัวอย่างที่พูดกัน

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายธันวา ไกรฤกษ์ โฆษกพรรคกล้า เปิดเผยถึงกรณีประชาชนไม่กล้าลงทะเบียนฉีดวัคซีน เนื่องจากเกิดความหวาดกลัวในการฉีดวัคซีน โดยนายธันวา ระบุว่า ควรหยุดปลุกปั่นให้ประชาชนหวาดกลัวได้แล้ว

ผมไม่รู้หรอกครับ ว่าวัคซีนชนิดไหนยี่ห้อไหนดีที่สุด เช่นเดียวกับคนทั่วไปในสังคมนั่นแหละ แต่ที่แน่ๆตอนนี้สังคมขาดความเชื่อมั่นต่อวัคซีนที่รัฐเป็นผู้จัดหาให้ไปแล้ว

ถ้าจะให้พูดกันตามตรง สาเหตุมาจากความล่าช้า และการพูดกลับไปกลับมาของผู้รับผิดชอบ ประกอบกับการโจมตีจนเกินจริงของผู้เห็นต่างกับรัฐบาล โดยเฉพาะนักการเมืองและคนดังทั้งหลาย ที่ไม่ได้มีองค์ความรู้ทางการแพทย์เท่าไหร่นัก

สุดท้ายประชาชนต้องตกเป็นเหยื่อของความหวาดกลัว อันเนื่องมาจากการบริหารจัดการที่ผิดพลาดและความขัดแย้งทางการเมือง จะฉีดก็กลัว ไม่ฉีดแล้วเกิดติดเชื้อมาก็มีสิทธิ์ตายอีก

เชื่อว่าหากมีไทม์แมชชีนย้อนเวลาไปยังจุดเริ่มต้นได้ รัฐคงไม่จัดหาวัคซีนไว้เพียงไม่กี่ยี่ห้อ โดยสำหรับไฟเซอร์ เมื่อดูราคาเฉลี่ยต่อ 2 โดส ซึ่งตกราวๆ 800-1,000 บาท (ขึ้นอยู่กับการเจรจา) มาคูณกับเป้าหมาย 50 ล้านคนแล้ว จะใช้เงินไม่เกิน 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งคุ้มมากเมื่อเทียบกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ต้องเสียหายมูลค่านับแสนล้าน ไม่นับรวมความสูญเสียทางด้านจิตใจของหลายครอบครัว

และหากนำมาพิจารณาประกอบกับงบโควิด รวมถึงงบทางสาธารณสุขที่มีอยู่ และมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการต่างๆหัวนึงหลายพันแล้ว ก็ไม่น่าเกินกำลังที่รัฐจะเลือกในสิ่งที่ดีที่สุดในความคิดของประชาชนไว้เป็นอีกทางเลือก จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาสร้างความเชื่อมั่นเช่นในปัจจุบัน
ยังไงก็ตามสิ่งที่ผ่านไปแล้วย้อนคืนไม่ได้ จึงควรกลับมามองความเป็นจริง ว่าวัคซีนที่เรามีอยู่นั้นแม้มันอาจไม่ได้มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อได้ดีที่สุดเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น แต่มันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่พูดกัน ดังจะเห็นจากผลรายงานและคำกล่าวยืนยันของอาจารย์แพทย์ระดับประเทศ ที่ไม่ได้มีนัยยะทางการเมืองใดๆ แอบแฝง

ดังนั้น สำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นกลุ่มเสี่ยงหรือกลุ่มที่มีโรคประจำตัว มีอะไรก็ฉีดไปก่อนเถอะครับ ยังไงก็ดีกว่าไม่ฉีดแน่ๆ ส่วนในอนาคตวัคซีนยี่ห้อดังๆที่อาจจะเข้ามาในฐานะวัคซีนทางเลือก หากเข้ามาจริงใครมีกำลังทรัพย์จะฉีดซ้ำก็ไม่เสียหาย
และถ้ามันจะกลายเป็นประเด็นของความเหลื่อมล้ำในสังคม ตรงนี้รัฐบาลก็ต้องรับไป เพราะเป็นผลจากการบริหารและการสื่อสารของตนเอง

ทางที่ดีที่สุดในตอนนี้ ผู้เห็นต่างทุกกลุ่มทุกฝ่ายควรหยุดปั่นกระแสสร้างความหวาดกลัวเรื่องวัคซีนได้แล้ว ถ้าจะปั่นไปปั่นในประเด็นความผิดพลาดหรือความเหลื่อมล้ำดังกล่าวทีหลังเถอะครับ ตอนนี้หน้าที่ของนักการเมืองที่ดีคือช่วยกันสร้างความเชื่อมั่น เชิญชวนให้ประชาชนมาฉีดเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันประเทศถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

หากยังไม่เลิกปลุกปั่นจนทำให้คนฉีดน้อย จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดได้ คนจะตายมากขึ้น เศรษฐกิจจะพังพินาศ สุดท้ายเราก็จะแพ้กันทั้งหมด
ปล.รัฐบาลต้องแก้ปัญหาเรื่องการสื่อสารโดยเร่งด่วน การจองวัคซีนคนก็ยังไม่เข้าใจ ผลข้างเคียงคนก็ยังกังวลใจ ในขณะที่คนดิสเครดิตทีข่าวออกทั้งประเทศ กดไลค์กดแชร์เป็นแสน แบบนี้มันจะสู้เขาได้ยังไง