แทนคุณ ชี้ปม ธาริต ถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุก 2 ปี เผย! ใช้อำนาจบิดเบือนข้อเท็จจริง อ้างมีนายทหารมาข่มขู่ จนเกิดรัฐประหารปี 57 เกิดหลังสลายการชุมนุมถึง 4 ปี
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า ดร.แทนคุณ จิตต์อิสระ รักษาการ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคระหว่างเพศ พรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI ถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุก 2 ปีตามมาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เพราะเหตุว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานายธาริตไม่พยายามแสวงหาข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมาทั้งที่มีอำนาจเต็มในห้วงเวลาที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ตั้งแต่ปี 2554 -2557 โดยย่อมได้รับความคุ้มครองและสนับสนุนให้แสวงหาข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่ทำให้เกิดการสูญเสีย แต่นายธาริตกลับใช้อำนาจโดยมิชอบไปฟ้องผิดศาลบ้าง แถลงข่าวพาดพิงบิดเบือนให้ร้ายบ้าง โดยเฉพาะประเด็นที่บอกว่ามีนายทหารมาข่มขู่ จนเกิดการรัฐประหารในปี 57 เกิดหลังจากการสลายการชุมนุมถึง 4 ปี
โดยพรรคเพื่อไทยในฐานะรัฐบาลในขณะนั้นได้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอยเพื่อล้างผิดให้คนฆ่า คนเผารวมถึงคนโกงคนทุจริตถือเป็นการซ้ำเติมกระบวนการค้นหาความจริงก่อให้เกิดความเสียหายต่อความรู้สึกของผู้ที่ตั้งตารอคอยความยุติธรรม โดยที่กลับกลายเป็นนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพที่ออกมาต่อต้านการออกกฎหมายดังกล่าว ทั้งที่ถ้ากฎหมายผ่านก็จะเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ด้วย แต่ทั้งสองคนไม่เคยเรียกร้องให้มีการนิรโทษกรรมให้กับตนเองไม่เคยปฏิเสธกระบวนการยุติธรรม ต่อสู้คดีจากข้อกล่าวหาและยืนบนหลักการสำคัญในการพิสูจน์ความจริงจนสิ้นกระแสความแล้วจากกระบวนการยุติธรรม จากคณะกรรมการ ปปช. การพิสูจน์ความจริงผ่านกระบวนการยุติธรรมนั้น ทั้ง 3 ศาลและ ป.ป.ช.
ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่มีอำนาจโดยตรง โดยผลการวินิจฉัยของคณะกรรมการ ป.ป.ช. รับฟังเป็นที่ยุติว่า เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย ด้วยเหตุผล“อยู่ในช่วงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาของศาลว่า การชุมนุมของกลุ่ม นปช. มิใช่การชุมนุมโดยสงบตามรัฐธรรมนูญ และมีบุคคลที่มีอาวุธปืนปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. จึงมีเหตุจำเป็นที่ ศอฉ. ต้องใช้มาตรการขอพื้นที่คืน เพื่อให้เกิดความสงบสุขในบ้านเมือง โดยมีคำสั่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่นำอาวุธติดตัว
หากมีความจำเป็นสามารถนำมาใช้เพื่อระงับยับยั้งได้ไปตามสถานการณ์ หรือเหตุการณ์เฉพาะหน้า หรือป้องกันตนเองได้ อันเป็นไปตามหลักสากล ตามนัยคำพิพากษาศาลแพ่ง ในคดีหมายเลขดำที่ 1433/2553”และศาลฎีกาได้เคยวินิจฉัยไว้ในคดีเลขที่ 1699/2560 “ว่าการกระทำของ นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง” ดังนั้นจึงขอให้พี่น้องประชาชนที่ต้องการความยุติธรรมได้เข้าใจข้อเท็จจริงและดำเนินคดีกับคนที่ทำให้กระบวนการค้นหาความจริงดังกล่าวต้องสิ้นสุดลงในลักษณะนี้
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS