ป.ป.ช. ปัดกล่าวหา “นิพนธ์” เป็นมาเฟีย-คนค้ายา แต่ที่บอกว่า มีอิทธิพล หมายถึงเป็นผู้กว้างขวาง
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้แจงถึงกรณีที่ ป.ป.ช. ดำเนินการฟ้องคดีอาญา นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา กรณีละเว้นไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ ให้แก่บริษัท พลวิศว์ เทคพลัส จำกัด
ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ด้วยเหตุผลเรื่องอิทธิพลในพื้นที่นั้นว่า คำว่าอิทธิพล ไม่ใช่แปลความในทางลบ แต่หมายถึงผู้กว้างขวาง คนรู้จักเยอะ เพราะอยู่ในพื้นที่มาก่อน อาจจะรู้จักทั้งประชาชน ทั้งข้าราชการ ดังนั้นหลักการคือเราไม่ได้ดูที่ทางศาล เราดูจากในพื้นที่ ซึ่งการที่นำพยานบุคคลไปไต่สวนในพื้นที่เราต้องคุ้มครองเขา ซึ่ง ป.ป.ช.มองว่าหากมาไต่สวนในกทม.เราจะคุ้มครองพยานได้ดีกว่า และเขากล้าที่จะพูดความจริงได้มากกว่า
“การไปแปลความเองว่าอิทธิพลหมายถึงเป็นผู้ค้ายา หรือเป็นมาเฟีย ขายของผิดกฎหมาย เราไม่ได้หมายถึงอิทธิพลในทางแบบนั้น แต่คำว่าอิทธิพลในความหมายนี้คือเป็นผู้กว้างขวาง เช่นคุณเป็นนายกฯอบจ.คุณมีอิทธิพลหรือไม่ คุณเป็น ส.สคุณมีอิทธิพลหรือไม่ คุณเป็นนักการเมืองประชาชนเชื่อถือหรือไม่ นั่นหมายถึงมีอิทธิพลต่อความรู้สึกนึกคิด เพราะฉะนั้นก็ต้องแปลความให้ดีๆ แต่เขาอาจจะเข้าใจผิด”นายนิวัติไชยกล่าว
นายนิวัตไชย กล่าวว่า ส่วนการตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นการฟ้องนอกเขตอำนาจศาลนั้น ตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 ที่ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาใช้ ซึ่งตามมาตรา 22 อนุ 1 กำหนดว่าการฟ้องทำได้ 2 กรณี คือฟ้องในเขตอำนาจศาล และฟ้องในถิ่นที่อยู่อาศัยของทางผู้ถูกกล่าวหา จำเลย หรือสถานที่ที่เกิดเหตุ ซึ่งในเรื่องที่อยู่เราดูว่านายนิพนธ์ดำรงตำแหน่ง รมช.มหาดไทย ก็มีถิ่นที่อยู่ในกรุงเทพ จึงฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางได้ แต่สุดท้ายก็เป็นดุลยพินิจของศาลว่าจะรับฟ้องหรือไม่ หรือจะให้ไปฟ้องที่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ซึ่งกรณีดังกล่าวไม่ใช่ว่าเราไม่เชื่อถือศาล