“ณัฐวุฒิ” ไม่เชื่อ พปชร.-พท. จับมือล่มสภาฯ จี้ “บิ๊กตู่” ไขก๊อกเปิดทางนายกฯคนใหม่
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ ว่า วันนี้ ประเด็นการพิจารณากฎหมายลูก ส.ส. มติ วิปฝ่ายค้านยังเหมือนเดิม เคารพการตัดสินใจทุกพรรค ทั้งการร่วมเข้าประชุม การแสดงตนและการลงมติ
ซึ่งในการประชุมวันนี้ แต่ละพรรคได้วิเคราะห์แง่มุม ตีความบทบัญญัติกฎหมาย พูดคุยถึงผลกระทบ ในการลงมติแบบใดแบบหนึ่ง สำหรับก้าวไกลเอง จะเข้าร่วมแสดงตนเป็นองค์ประชุม และจะยืนยันว่า ในมาตรา 21 /1 ที่กมธ.ได้แก้ไข สอดรับกับความในมาตรา 23 ที่ใช้สูตรหาร 500 หากองค์ประชุมรัฐสภาครบ เราจะลงมติไม่เห็นด้วย ถ้าหากพิจารณาไปจนเข้าสู่วาระ3 เรายังไม่สามารถตอบได้จะลงมติอย่างไร
เมื่อถามว่า แสดงว่ายังไม่ชัดว่า ถ้าถึงวาระ3 พรรคเพื่อไทย ไม่ร่วมเป็นองค์ประชุม ทางพรรคก้าวไกล ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำตามเพื่อไทย หรือไม่ นายณัฐวุฒิ ตอบว่า ก้าวไกลเคารพทุกพรรค และก็ไม่สามารถจะไปตอบแทน หรือก้าวล่วงได้ แต่พรรคก้าวไกล ต้องขอดูก่อนว่าการลงมติในรายมาตราเป็นอย่างไร เพราะท้ายที่สุด มันอาจจะไปไม่ถึงวาระ 3 เลยก็ได้
เมื่อถามอีกว่า มีข่าวพปชร.และพท.ร่วมมือกันทำรัฐสภาล่ม ในวันที่ 10 ส.ค. เพราะอยากได้สูตรหาร100 ที่ประชุมวิปฝ่ายค้านวันนี้ได้มีการหารือเรื่องนี้ หรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ที่ประชุมไม่ได้หารือพูดคุยในประเด็นนี้ แต่เท่าที่เราทำงานร่วมกันมาโดยตลอด รอบนี้จุดยืนของเพื่อไทยและ จุดยืนของก้าวไกล เป็นจุดยืนเดียวกัน คือการเคารพต่อเจตจำนงของรัฐธรรมนูญที่มีการแก้ไข เราไม่เห็นประเด็นว่าจะมีการพูดคุยกัน ระหว่างพรรคการเมืองในลักษณะต่อรองหรือจับมือฮั้วกัน
เมื่อถามว่าหากสุดท้ายกฎหมายลูก ถูกทำแท้งในวาระ3 อะไรจะเกิดขึ้น นายณัฐวุฒิ ตอบว่าทุก เส้นทางที่จะเดินไป จำเป็นจะต้องตีความบทบัญญัติของกฎหมายทั้งหมด ในวาระ3 จำเป็นต้องมีผลการลงมติ ครึ่งหนึ่ง ของจำนวนสมาชิกที่มีอยู่ทั้งหมด โดยคะแนนเห็นชอบต้องอยู่ที่366 เสียง
ดังนั้น หากไม่ผ่าน หรือตก ในวาระ3 จริงๆแล้วโดยหลักการรัฐบาล จะต้องเสนอร่าง กฏหมายเข้ามาใหม่ แต่จะมีปัญหาทางข้อกฎหมายว่า จะเสนอกฎหมายเข้ามาใหม่ในสมัยประชุมเดียวกันไม่ได้ และถ้าเสนอมาใหม่ในสมัยประชุมหน้า ก็อาจจะไม่ทันเวลา ต้องมาดูช่องทางอื่นว่ามีทางออกอย่างไรโดยเฉพาะเมื่อ ไปบวกกับการตีความ การดำรงตำแหน่งครบ8ปี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หากไม่อยากให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง ความรับผิดชอบในทางการเมือง ของนายกฯ คือลาออกแล้ว ให้มี นายกฯคนใหม่ขึ้นมาแก้ไขปัญหา ต้องดูว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเห็นหรือไม่ว่า การลาออกครั้งนี้จะเป็นช่องทางปลดล็อคที่ชอบธรรมในทางกฎหมาย นำไปสู่ช่องทางปลดล็อคกฎหมายลูกให้มีกติการองรับการเลือกตั้งครั้งหน้า
“แต่หากใช้ช่องทางอื่นไม่ว่าจะเป็นการยุบสภา หรือการออกพระราชกำหนด มีการตีความทางกฎหมายค่อนข้างมากว่า คงไม่สามารถที่จะออกเป็นพระราชกำหนดได้ ซึ่งจะเกิดความยุ่งยาก ทำให้คนไม่เชื่อมั่นในกลไกรองรับการเลือกตั้งครั้งหน้ามากกว่านั่น เป็นเรื่องในอนาคตที่เราต้องมาจับตาดูกัน แต่ว่าปัจจุบันขณะ มาดูกันว่าในการประชุมพรุ่งนี้การหาทางออกตามกลไกรัฐสภาอย่างไร”