‘มัลลิกา’ ประกาศลงชิงหัวหน้าพรรค หวังปฏิรูปพรรคใช้รูปแบบ การนำเอไอ และไอที ปฏิรูปพรรค เชื่อว่า จะฝ่าสถานการณ์
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ถือเป็นปรากฎการณ์ที่จะทำให้เห็นว่าเสรีภาพประชาธิปไตยที่แท้จริงอยู่ที่ ประชาธิปัตย์ และเราเป็นหนึ่งคนที่จะได้แสดงศักยภาพให้ได้เห็นถึงคงามเป็นประชาธิปไตย และพรรคประชาธิปไตยถือเป็นพรรคการเมืองที่มีรากเหง้าและดำรงไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ดังนั้นจึงต้องการความไว้เนื้อเชื่อใจจากคนที่จะลงสมัคร และที่ผ่านมาพรรคได้เปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงเจตจำนง ซึ่งตนก็ตัดสินใจอยู่นานมาก และเมื่อพรรคต้องการบุคลากรที่หลากหลาย ตนจึงลงสมัคร เพื่อต้องการทำเรื่องปฏิรูป เพราะเป้าหมายที่สูงที่สุดจะต้องมีการปฏิรูปพรรคอย่างจริงจัง ตอนที่มีการเปิดตัวตั้งแต่ต้นไปออกรายการต่างๆ เราตั้งใจอยู่แล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์จะต้องทันสมัย จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงก็จะต้องทำการปฏิรูปพรรคอย่างจริงจัง
เพราะฉะนั้นการปฏิรูปพรรคอย่างจริงจัง ก็จะต้องการคนที่มีความเข้มแข็งทั้งจิตใจและภาวะต่างๆ ตนคิดว่าถึงเวลาแล้วที่คนรุ่นใหม่ จะได้มีการนำพาพรรคก้าวผ่านสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงให้ได้ และที่สำคัญการเป็นผู้นำจะต้องมีความเข้มแข็งทั้งจิตใจ และการวางโครงสร้างและความร่วมมือต่างๆ
ดังนั้นเชื่อมั่นว่าการที่เรามีเจตจำนงในการทำงาน มั่นใจว่าคนที่เป็นแฟนคลับของพรรคจะได้มีความมั่นอกมั่นใจ รวมถึงมีกำลังใจต่อสู้ และลุกขึ้นมาเพื่อที่จะนำพาพรรคประชาธิปัตย์ก้าวข้ามสิ่งต่างๆไปด้วยกัน
มัลลิกา ย้ำว่า จะไม่มีการถอนตัว และอยากสร้างปรากฎการณ์ว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่มีพระแม่ธรณีบีบมวยผม ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่จะมีผู้หญิงสัก 1 คน ไม่เพียงแต่การส่งชื่อไปในช่องทางต่างๆแต่เราจะเอาจริงและจริงจังกับเรื่องนี้
พร้อมย้ำว่าไม่ได้ปรึกษาหารือกับใครเฉพาะเจาะจง เนื่องจากการปรึกษาหรือไม่ปรึกษาพรรคก็ไม่จำกัดเสรีภาพอยู่แล้ว ตนมีคุณสมบัติครบ ที่สำคัญคือ อยู่ พรรคประชาธิปัตย์มาตั้งแต่ปี 2550 กว่าๆ ทำงานให้พรรคมาโดยตลอด มั่นใจว่าศักยภาพของตนและทีมสามารถพลิกฟื้นประชาธิปไตยได้
“เราก็รู่ว่าสถานการณ์ค่อนข้างหนักและท้าทายมาก แต่ด้วยความที่พรรคประชาธิปัตย์ เราต้องก้าวผ่านจุดนี้ไปให้ได้เพื่อจะให้เกิดความยิ่งใหญ่ และจะนำประชาชนสามารถแก้วิกฤตสถานการณ์ต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตการเมือง วิกฤตความเชื่อมั่น วิกฤตปากท้อง การแตกแยกทางความคิด ดิฉันมั่นใจว่า วิกฤตที่ใหญ่ที่สุดคือ วิกฤตของการแตกแยกทางความคิด ซึ่งเจนฯอย่างเรา อยู่ตรงกลางระหว่างเจนใหม่กับเจนเก่า ดังนั้นหากมีจุดที่เราเชื่อมได้ มีความทันสมัย และใช้รูปแบบเช่นการนำเอไอ และไอที มาปฏิรูปพรรคได้ เชื่อว่า เราจะฝ่าสถานการณ์นี้ไปให้ได้”
มัลลิกา ยังกล่าวอีกว่า ตนมีความมั่นใจในตัวเองอยู่แล้ว ว่าเราจะเป็นผู้หญิงคนเดียว ถ้าไม่มีการเสนอชื่อผู้หญิงคนอื่น และเรามีแผนปฏิรูปพรรคอย่างชัดเจน พาพรรคผ่านไปได้ และมั่นใจว่าสมาชิกพรรคจะเห็นจุดที่ต่างออกไป ไม่เหมือนเดิม โดยเฉพาะเรื่องการนำพาพรรคไปสู่ความยิ่งใหญ่ได้อย่างไรในอนาคต และเชื่อมประสานคนทุกรุ่นได้ จึงมั่นใจว่าเป็นแนวทางที่แปลกและแตกต่าง
“พรรคประชาธิปัตย์ยังคงอุดมการณ์เช่นเดิม แต่สิ่งที่ต้องเปลี่ยนคือเรื่องของยุคสมัยและเครื่องมือที่ใช้ การเข้าถึงประชาชนที่จะต้องเข้าหาประชาชนมากกว่าให้ประชาชนเข้าหา”
#เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS