วรวุฒิ แนะรัฐฯ ต้องมีวัคซีนหลากหลายแบรนด์ และหากใครไม่ฉีดก็จะต้องเสียสิทธิ์ ในการที่รัฐบาลจะต้องดูแลฟรีหากติดโควิด ชี้ หากประชาชนไม่ฉีดเท่ากับเศรษฐกิจก็ไม่ฟื้น
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า วันที่ 10 พ.ค.64 จากการตีความที่คาดเคลื่อนของสื่อบางสำนัก กรณี นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคกล้า ที่มีข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาลเรื่องการฉีดวัคซีนให้ประชาชน และมีการตีความว่า หากรัฐบาลพร้อมฉีดแล้ว ให้รัฐบาลประกาศ ใครไม่ยอมฉีดวัคซีนป้องกัน “โควิด 19” จะเสียสิทธิการรักษาโรคฟรีนั้น
ล่าสุดนายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคกล้า แสดงความเห็นว่า สืบเนื่องจากโพสต์เมื่อเช้า ขอขยายความและเพิ่มเติมรายละเอียดเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องดังนี้ครับ
เมื่อรัฐบาลพร้อม หมายความว่ารัฐมีวัคซีนพอเพียงพร้อมฉีด และมีหลากหลายแบรนด์ ที่ใช้ฉีดกันในประเทศต่างๆสัก4-5แบรนด์เป็นทางเลือก
รัฐมีกำลังในการฉีด และทอดระยะเวลายาวนานเพียงพอเช่นภายใน6เดือนที่จัดระดมฉีดให้กับประชาชน
ประชาชนต้องไม่ได้มีปัญหาสุขภาพ หรือโรคประจำตัวใดๆอันทำให้ไม่สามารถฉีดวัคซีนได้
รัฐทำได้ถึงขนาดนี้แล้ว ใครยังไม่ยอมฉีดก็ควรมีมาตรการจัดการด้วยแล้ว
และการเสียสิทธิ์รักษาฟรีหมายถึงโรคโควิดเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโรคอื่นใด หรือสิทธิ์จากประกันสังคม
ผมคิดว่า เราต้องรณรงค์การฉีดวัคซีนให้มากและเร็วที่สุด ดังนั้นถ้าใครยังไม่ยอมฉีดโดยไม่มีเหตุอันควร ก็ควรจะต้องรับผลถ้าหากติดโควิด และเป็นส่วนหนึ่งของการแพร่ระบาด และริดรอนสิทธิ์คนอื่นที่ต้องติดโควิด ดังนั้นการหมดสิทธิ์รักษาโควิดฟรี น่าจะเป็นแรงกระตุ้นให้ตื่นตัวและเข้ารับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง
วันนี้ เรามีการปล่อยข่าวและสร้างการตื่นกลัวในวัคซีนกันมากมาย
จนคนขาดความเข้าใจ และไม่กล้าฉีดวัคซีน
เศรษฐกิจจะฟื้นไม่ได้เลย ถ้าประชาชนไม่ยอมฉีดวัคซีนและหยุดโรคระบาดไม่ได้ แพทย์ทุกคนก็ลงความเห็นแล้วว่าการฉีดวัคซีน เป็นหนทางเดียวที่จะสกัดโรคระบาด
การที่บางคนไม่ยอมฉีดวัคซีน โดยไม่มีเหตุจำเป็นอันควร อาจทำให้ผู้ประกอบการอีกนับล้านรายต้องปิดกิจการหมดเนื้อหมดตัว
ปัญหาสังคม ปัญหาอาชญากร โจรผู้ร้ายชุกชุมจะตามมาอีกมหาศาล
รัฐต้องเร่งดำเนินการฉีดวัคซีน ให้มากและเร็วที่สุด ขณะเดียวกันต้องสร้างความมั่นใจให้ประชาชนด้วยว่า ถ้าแพ้วัคซีน รัฐยินดีรักษาให้ฟรีและมอบเงินชดเชยเยียวยาอีกรายละ2หมื่นบาท ถ้ามีรายใดรายหนึ่งเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีน รัฐชดเชยให้รายละ1ล้านบาท
ทั้งนี้เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการฉีดวัคซีนนั่นเอง
เรื่องแบบนี้ รัฐบาลต้องมีทั้งไม้อ่อนและไม้แข็งครับ
แน่นอนทั้งหมดนี้เป็นเพียงข้อเสนอของผมเท่านั้น รายละเอียดในการปฎิบัติยังมีเรื่องที่ต้องพูดคุยในวิธิปฎิบัติ หรือข้อยกเว้นต่างๆ
เพราะภัยโควิดเป็นภัยที่ส่งผลเสียต่อประเทศอย่างรุนแรง ตัวอย่างก็มีให้เห็นในหลายประเทศแล้ว
สื่อและพรรคการเมืองใด ที่เอาเรื่องโควิดมาเป็นเกมการเมือง ต้องตระหนักให้มากๆ ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาเอาชนะคะคานทางการเมือง
จ้องดิสเครดิตรัฐบาลจนประชาชนหวาดกลัววัคซีนกันไปหมด
เรื่องแบบนี้ ต้องรู้จักคิดและเห็นแก่ประเทศชาติเป็นสำคัญครับ
You must be logged in to post a comment Login