ชาวญี่ปุ่นร่วมไว้อาลัย หลังร่างของอดีตนายกฯ “ชินโซ อาเบะ” เดินทางถึงโตเกียว
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า อากิเอะ อาเบะ ภรรยาม่ายของอดีตนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น เดินทางจากจังหวัดนารากลับมายังบ้านพักในกรุงโตเกียวพร้อมกับร่างของสามีผู้จากไป เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม (Photo by JIJI PRESS / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม 2565 กล่าวว่า ร่างของชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีที่ครองตำแหน่งยาวนานที่สุดของญี่ปุ่น เดินทางถึงกรุงโตเกียวแล้วเมื่อวันเสาร์ ท่ามกลางประชาชนที่รอต้อนรับพร้อมไว้อาลัยกับการจากไปอย่างกระทันหันในครั้งนี้
การลอบยิงนักการเมืองที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น ได้สร้างความสั่นสะเทือนให้กับประเทศและสร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก กับเหตุการณ์อาชญากรรมอุกอาจในประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัย และมีกฎหมายควบคุมอาวุธปืนที่เข้มงวด
สมาชิกระดับสูงของพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ของอาเบะ เข้าแถวเพื่อแสดงความเคารพต่อร่างของเขา ที่บรรทุกมาในรถที่มีอากิเอะ อาเบะ ผู้เป็นภรรยานั่งมาด้วย ก่อนรถจะเลี้ยวเข้าไปในบ้านพักของอาเบะในกรุงโตเกียว
ช่วงบ่ายวันเสาร์ นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่นได้เดินทางมาถึงบ้านพักของอาเบะและได้แสดงความเคารพต่อร่างของเขา พร้อมแสดงความเสียใจต่อภรรยาของอาเบะ
สื่อมวลชนของญี่ปุ่นรายงานว่า พิธีศพของอาเบะจะจัดขึ้นในวันอังคาร โดยเป็นพิธีปิดเฉพาะสมาชิกในครอบครัวและเพื่อนร่วมงานที่ใกล้ชิดของเขาเท่านั้น
ตลอดคืนวันศุกร์และเช้าวันเสาร์ ผู้คนจำนวนมากมาร่วมไว้อาลัยกับการจากไปของอดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยการวางดอกไม้และอธิษฐานส่งดวงวิญญาณ
ชินโซ อาเบะ เป็นทายาทของครอบครัวการเมืองและกลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดเมื่อเขาเข้ารับตำแหน่งเป็นครั้งแรกในปี 2549 ด้วยวัย 52 ปี
วาระแรกในฐานะผู้นำของเขาจบลงด้วยการลาออกด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ แต่เขากลับมาครองอำนาจอีกครั้งในปี 2555 และดำรงตำแหน่งต่อไปจนกระทั่งอาการป่วยลำไส้ใหญ่บวมเป็นแผล กลับมาทำให้เขาต้องลาออกเป็นครั้งที่ 2 ในปี 2563
แนวคิดชาตินิยมของอาเบะสร้างความแตกแยกในการบริหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งความปรารถนาของเขาที่จะปฏิรูปรัฐธรรมนูญเพื่อให้ยอมรับการทหารของประเทศ และเขาได้ลงมือจัดการกับเรื่องอื้อฉาวหลายต่อหลายครั้งที่ผ่านมา แต่อีกด้านหนึ่ง อาเบะได้รับการยกย่องจากหลายภาคส่วนในกลยุทธ์ทางเศรษฐกิจของเขาซึ่งเรียกว่า “อาเบะโนมิกส์” และความพยายามของเขาในการนำญี่ปุ่นเข้าสู่เวทีโลกอย่างมั่นคง รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นกับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ