ครูมนต์ชีพ พรรคสร้างอนาคตไทย แนะทำพลังงานแบบ wind farm , solar farm แหล่งผลิตไฟฟ้าประจำหมู่บ้านประจำชุมชน ไม่ใช่เกิดวิกฤตท่องคาถา ประหยัด ประหยัด และประหยัด
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า ครูมนต์ชีพ ศิวะสินางกูร หรือครูเป็ด ระบุว่า วิกฤตยูเครน กับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ดูเผินๆเหมือน 2 เรื่องนี้ไม่น่าเกี่ยวข้องกันเลย แต่ที่จริงเกี่ยวกันครับ
วิกฤตยูเครนครั้งนี้ทำให้น้ำมันแพงขึ้นมากอย่างที่ไม่รู้ว่าเพดานอยู่ตรงไหน บ้านเราก็อ่อนไหวกับเรื่องราคาน้ำมันมาก (ก็มีหลายประเทศที่อ่อนไหวเหมือนเรา) ซึ่งมันสะท้อนให้เห็นว่า ความมั่นคงทางด้านพลังงานของเราไม่น่าจะดีนัก
แล้วทำไมความมั่นคงด้านพลังงานของเราถึงไม่ค่อยดีนักล่ะ ก็เพราะเราพยายาม ‘พึ่งพาตนเอง’ ด้านพลังงานน้อยเกินไปทั้งน้ำมันทั้งถ่านหินปีนึงๆเรานำเข้ามากมายมหาศาล จริงอยู่เราไม่สามารถใช้พลังงานทางเลือกมาทดแทนสิ่งเหล่านี้ได้ทั้งหมด แต่เราก็สามารถพยายามทดแทนได้มากกว่านี้กระมัง
ด้วยเทคโนโลยีสมัยนี้ทำให้เรามีแหล่งพลังงานทางเลือกมากขึ้น wind farm , solar farm ซึ่งก็แล้วแต่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่าในอดีต หรือเรื่องที่เราทำกันมาแล้วเช่นเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้า (อย่างหลังนี้ต้องดูสมดุลระหว่างผลิตพลังงานกับธรรมชาติ)
อย่าง wind farm , solar farm ก็อาจจะไม่ได้หมายถึงแหล่งผลิตไฟฟ้าใหญ่โตอะไร แต่อาจจะเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าประจำหมู่บ้านประจำชุมชน ที่ก็มีคนศึกษาไว้เยอะแยะว่าสามารถทำได้และคุ้มทุนในเวลากี่ปีกี่ปี…
ไม่ใช่ว่าพอเกิดวิกฤตขึ้นมาทีก็ท่องคาถาเดิม ประหยัด ประหยัด และประหยัด…ถึงจุดนี้ไม่ต้องบอกประชาชนก็ประหยัดกันสุดๆอยู่แล้ว (หรือท่านจะคิดว่านั่นคือเศรษฐกิจพอเพียงแล้ว ประชาชนต้องอยู่บ้านปลูกผักเลี้ยงปลากินเอง…ถ้าใช่ นั่นเป็นการตีความเศรษฐกิจพอเพียงที่ตื้นเขินยิ่งนัก)
วิกฤติยูเครนที่สะท้อนให้เห็นความมั่นคงทางพลังงานของเรา…ที่จริงในหลวงร.9 ท่านก็เคยชี้ทางสว่างให้เห็นแล้วภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงว่า การพึ่งพาตนเองได้มากเป็นสิ่งสำคัญ
และเรื่องแบบนี้รัฐจะต้องเป็นผู้นำในการปฏิบัติ จะต้องออกนโยบายที่ส่งเสริมกระตุ้นผลักดันให้เกิดขึ้นจริงให้ได้…
ผู้นำที่รักสถาบันฯจริง ต้องสามารถนำแนวคิดอันทรงคุณค่าแบบนี้มาต่อยอดให้เกิดประโยชน์ถึงมือประชาชนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง แล้วผมเชื่อว่าเราจะได้ผลพลอยได้คือปัญหาระหว่างประชาชนบางกลุ่มกับสถาบันฯก็จะลดลงไปด้วย
