Connect with us

Politics

ขอตอบเองไม่ต้องถาม!! ไอซ์ รักชนก เผยแล้ว! ทำไม? ไม่ลุกอภิปรายงบปี 67 รัฐบาล !!

Published

on

รักชนก เผยรอบนี้ไม่ได้เสนอตัวร่วมอภิปราย พร้อมระบุ ในประเด็นอภิปราย ไม่แน่ใจว่าที่นายกไม่ตอบ เป็นเพราะไม่เข้าใจ วิธีการทำงบประมาณของระบบราชการหรือป่าว

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคก้าวไกล โพสต์ระบุถึงเหตุผล ไม่อภิปราย พ.ร.บ.งบ ปี 67 ว่า… บันทึก อภิปรายงบประมาณวาระ 1

รอบนี้ไม่ได้เสนอตัวร่วมอภิปราย แต่ได้เป็นทีมเฝ้าสภา
เนื่องจากต้องเฝ้าสภาตลอดสามวัน จึงทำให้ได้ฟังเพื่อนๆ
และพรรคอื่นๆอภิปราย ตั้งแต่ต้นจนจบ

นี่เป็นการฟังสดการอภิปรายงบวาระ1 ครั้งแรก
เพราะก่อนเป็นสส จะได้ฟังแค่คลิปที่ตัดมาลงโซเชียล
แล้วมีคนแชร์ผ่านตา สำหรับประชาชนแล้ว บางคนก็
อาจจะสนใจฟังตลอดสามวัน บางคนก็จะรอฟัง
แค่ สส ที่ชื่นชอบหรือจองกฐิน บางคนไม่เคยฟังเลย
เพราะรู้สึกว่าเรื่องในสภาน่าเบื่อหน่ายไม่หรือก็เข้าใจยาก
ก็เป็นหน้าที่ของพวกเราที่ต้องเค้นเอาสาระออกมา
และนำเสนอให้ประชาชนสามารถเข้าใจได้ง่ายๆ

ต้องบอกว่าเพื่อนสสและทีมงานเบื้องหลังทำงานหนักกัน
หนักมากจริงๆ พรรคก้าวไกลมีวิธีการคัดเลือกผู้อพิปราย
ที่เข้มงวดไม่ใช่ใครอยากจะพูดก็พูดได้ ก่อนจะคัดเลือก
คุณครูพี่ไหมจะให้ทุกคนที่สนใจอภิปรายในรอบนี้ย้อนดู
งบ66 แล้วลองจับประเด็นมานำเสนอ เพื่อฝึกค้นข้อมูล
ดูว่าประเด็นน่าสนใจไหม เพราะเมื่องบ 67 มาถึง
เราจะมีเวลาแค่ 7วัน ในการทำงาน ตั้งแต่วิเคราะห์
หาข้อมูลเปรียบเทียบ ทำสไลด์ เตรียมสคริป ซ้อมพูด
ใครเข้ารอบจะได้ไปต่อ เมื่อเล่นงบมาถึงพวกเราก็
ลงมือทำงานทันที ต้องขอขอบคุณ พี่เท้งที่แสนดี
พร้อมด้วยเดอะแบก ก้าวgeek และ WeVis ที่ทำเล่มงบ
หมื่นกว่าแผ่น ออมาเป็นไฟล์ excel
ในมุมนึงก็ต้องเท้าเอวถามอีกครั้ง เหมือนที่ถามมาตลอด
ทำไมภาคประชาชนรวมตัวกันแค่สิบกว่าคนทำ2วันเสร็จ
แต่สำนักงบซึ่งมีบุคลากรนับพันถึงไม่มีปัญญาทำ
ไฟล์ให้เป็น excel หรือทำได้แค่ไม่ทำ ?

สส ที่สอบผ่านต้องซ้อม ซ้อม ซ็อม  แก้ แก้ แก้
บทอภิปรายกันจนถึงวินาทีสุดท้าย
เพราะพวกเราให้ความสำคัญกับการอภิปรายทุกครั้ง
ทุกคำพูดทุกข้อมูลจะถูกกลั่นกรองมาอย่างดี
เพราะมันจะถูกบันทึกไว้ตลอดไป

เปิดมาวันแรก เมื่อนายกแถลงจบ ต่อด้วยผู้นำฝ่ายค้าน
สส พรรคอื่นๆ และคุณครูพี่ไหมเป็นคนที่2จากก้าวไกล
ได้ฟังการอภิปรายของพี่ไหมแล้ว  รู้สึกว่าตัวเอง
ต้องขยันกว่านี้สักสิบเท่า ต้องเรียนรู้อะไรๆให้รวดเร็ว
กว่านี้ ต้องทำงานให้หนักขึ้นอีก ถึงจะได้ครึ่งของพี่ไหม
เพราะในขณะที่พี่ไหมต้องอ่านงบเตรียมอภิปราย
ของตัวเอง ก็ต้องฟังข้อมูลและการนำเสนอของ สส ทุกคน
ที่จะอภิปราย พร้อมคอมเม้น สอบทานข้อมูลไปด้วย
ภาระกิจมากมาย แต่พี่ไหมก็รับมือได้หมด
ซึ่งพี่ไหมก็คือ MVP ของวันแรก อย่างไม่ต้องสงสัย

มีอยู่สองช่วงของการฟังที่บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง
คือตอนที่ สส โต๋ ศุภโชติ อภิปรายเรื่องค่าไฟแพง
ข้อมูลทั้งหมดที่พูด ก็มาจากเล่มขาวคาดแดง
ที่สำนักงบให้มา ก่อนจะพูดข้อมูลทุกอย่างและ
ทุกคำถูกตรวจทานความถูกต้องมาอย่างถี่ถ้วน
แต่ รมต. กลับลุกขึ้นตอบโต้อย่าง่ายๆด้านๆว่า
ใช้ข้อมูลที่ไม่จริง ไม่อัพเดต เป็นการให้ข้อมูลเท็จ
โดยไม่ตอบลงรายละเอียด ในประเด็นอื่นๆ
ที่ โต๋ ศุภโชติ ได้ตั้งข้อสังเกต ทั้งๆที่ไม่เป็นความจริง
อีกครั้งคือตอนที่ สส โจ ชัยวัฒน์ อภิปรายเรื่องหนี้
เนื่องจากงบใช้หนี้จำนำข้าว ถูกนำไปใส่ไว้ในแผน
ยุทธศาสตร์การเกษตร ซึ่งเป็นงบที่ใช้เพื่อพัฒนา
แทนที่จะใส่ไว้ในส่วนของหนี้ค้างชำระ พวกเรารู้ดี
ว่าโครงการจำนำข้าว สำคัญกับชาวนาแค่ไหน
ไม่มีสักคำที่วิจารณ์ในแง่ลบ เพียงแค่ถามถึงความ
จริงใจในการจัดงบ ทำไมไม่เอาไปใส่ให้ถูกหมวด
รมต. กลับลุกขึ้นกล่าวหาว่า สส โจ ชัยวัฒน์
เป็น กสสป เอาดื้อๆ แล้วเหล่าเครื่องขยายเสียง
ก็ตีฟูจนกลบประเด็นดีดีที่ สส โจ ได้อภิปราย
สื่อก็ไปเน้นพาดหัวแบบสะใจ ซึ่งเรางงจริงๆ
ว่าท่าน รมต. กล้าแซะ กปปสในสภาแบบไม่เกรงใจ
อาจจะลืมอดีตพรรคร่วมรัฐบาลและรองนายกไป
มองด้านนึงมันก็คือความเก๋าเกมส์ของเหล่า รมต
แต่มองอีกแง่มึง มันก็คือความหน้าด้านและไร้ความ
รับผิดชอบต่อประชาชน ตอบให้ตัวเองได้เปรียบ
แต่ประชาชนไม่ได้รู้อะไรเพิ่มเลย

วันแรกจบที่ตีหนึ่งกว่าๆ วันที่สองเริ่มเก้าโมงเช้า
ในวันที่สองนี้ เราอยากให้ทุกคนได้ย้อนฟัง การอภิปราย
ของ สส จอจาน เอกราช สส กู๊ดกี้ ชยพล สส ผึ้ง พนิดา
ทั้งสามคนนี้คือเพื่อน สส ที่เป็นสมัยแรกเช่นเดียวกับเรา
แต่การอภิปรายข้องทั้งสามคน ทำให้เรารู้สึกนับถือ
มันเต็มเปี่ยมไปด้วยข้อมูล การวิเคราะห์เปรียบเทียบ
ให้เห็นภาพชัด การจับประเด็นนำเสนอที่น่าสนใจ
สไลด์ที่เตรียมมาอย่างดี การพูดที่ลื่นไหล มันมีพลัง
มันเหมือนกันว่าทุกคนพูดแทนใจคนที่เลือกเรามาจริงๆ
หลายคนมองว่าก้าวไกลยืนตรงข้ามกับทหารและตำรวจ
ก็อาจจะจริงอยู่ถ้ามองในมุมทหารตำรวจชั้นผู้ใหญ่
แต่เรายืนอยู่ข้างเดียวกับทหารและตำรวจชั้นผู้น้อย
เราพูดแทนพวกเค้าและเรียกร้องแทนพวกเค้า
ตัวเราเองก็อยากอภิปรายให้ได้แจ่มๆเจ๋งๆแบบนี้เช่นกัน

ข้อสังเกตสำหรับเราในวันที่สองคือ ทุกๆพรรคก็อภิปราย
และรอคำตอบจากนายก เหมือนๆกัน แต่นายกจะลุกขึ้น
ตอบเพียงประเด็นที่ สส พรรคเพื่อไทย ชงให้ซะส่วนใหญ่
เช่น เรื่องแลนบริด ก็น่ารักดี

ในวันที่สาม เราประทับใจกับการอภิปรายของพี่วิโรจน์
เค้าคือคนที่รักษามาตรฐานได้ดีเสมอมาก เราจะตั้งใจ
รอฟังเสมอ เพราะในแต่ละหัวข้อที่แกจะพูด แกสามารถ
จับประเด็น โดยนำเสนอเข้าใจให้ง่าย น่าจดจำ

อีกคนที่บีบหัวใจคือ สส หมิว สิริลภัส อภิปรายเรื่อง
การตัดงบสาสุขของผู้ป่วยโรคซึมเศร้า หมิวอภิปราย
ด้วยหัวอกของคนที่ผ่านความเจ็บปวดกับโรคนี้มาจริงๆ
ซึ่งหมอชลน่าก็ยืดอกรับและตอบเรื่องนี้ได้ดีมากๆ
ผิดกับกระแสกองเชียร์พรรคเพื่อไทย ที่โจมตีหมิว
แบบใจร้ายมากจริงๆ สิ่งที่หมิวพูดคือผลประโยชน์
ของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าสามแสนคนทั่วประเทศ
ยังไม่นับคนที่ยังไม่รับการวินิจฉัยอีก มันคือชีวิตคนจริงๆ
ซึ่งมันมีคนที่ต้องจบชีวิตลงจริงๆ ถ้าไม่ได้รับการรักษา
ทำไมกลับถูก ดิสเครดิตบิดเบือนเรื่องด่าทอสาระพัด
กลายเป็นว่าแทนที่จะบอกว่าหมิวพูดไม่ดีไม่ถูกยังไง
กับเอาเอาคลิปเก่าๆที่เล่นกับเพื่อนมาโจมตี
ลดทอนคุณค่าสิ่งที่หมิวพูดแทนผู้ป่วย แค่เพียงเพราะ
เป็นการอภิปรายจากก้าวไกล ทำไมอคติถึงบดบัง
ทำให้คนเหล่านั้นมองไม่เห้นถึงผลประโยชน์
ของผู้ป่วยทั่วเทศได้ขนาดนี้

คนที่เรายกให้เป็นที่สุดในบรรดาทุกวันที่ผ่านมาเลยคือ
คนสุดท้ายที่อภิปรายสรุป สส เท้ง ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ
สิ่งที่อยู่ในหัวพี่เท้ง คือเส้นที่เราไม่น่าจะไปถึงในชาตินี้
เราอยู่ กมธ. เดียวกับพี่เท้ง พี่เท้งสุภาพ เรียบร้อย
พูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรกับทุกคนเสมอมา ไม่แรง
ไม่พาด คนดีที่หนึ่ง แต่วันนั้น ในสภา พี่เท้งขู่ฟ้อง
ม157 กับนายก ต่อหน้า สสทั้งสภาและคนทั้งประเทศ
สิ่งที่เราพบเจอในห้องกรรมาธิการ แล้วมเคยรู้สึกว่า
มันคือเอกสารแผ่นนึง เป็นข้อมูลที่เหมือนข้อมูลทั่วๆไป
มราบเรียบไม่หวือหวา พี่เท้งเก็บทุกเม็ดมาใช้
ในเวทีนี้ได้แพรวพราวอย่างไม่น่าเชื่อ

พร้อมกับจบด้วยคำพูดที่จะตราตรึงใจทั้ง เพื่อนสส
ในพรรคก้าวไกลและโหวตเตอร์ไปอีกนาน
“วันนี้ อำนาจอยู่ในมือท่าน บริหารให้ดีครับ เพราะผมเชื่อว่าผู้แพ้จากการทำหน้าที่ของตัวเองในสี่ปีข้างหน้านี้ จะถูกบดขยี้ด้วยฉันทามติของประชาชนครับ”
โห คิดได้ไง ..

สิ่งทีเราจับประเด็นได้จากการฟัง 3วันนี้ คือ


1)ทุกพรรคพูดเรื่อง การกระจายอำนาจ ไปในทิศทาง
เดียวกันทั้งหมด ทุกพรรคเห็นด้วยว่ากระจายอำนาจ
มีความสำคัญและต้องทำ อทป ควรได้งบและได้อำนาจ
เพิ่มขึ้นเพื่อความคล่องตัวในการดูแลประชาชน
ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีที่สุดคนเห็นตรงกัน

2)ระบบการศึกษาบ้านเรามันห่วยแตกจริงๆ
ทุกคนยอมรับเป็นเสียงเดียวกัน ยกเว้นพรรคเจ้ากระทรวง
กระทรวงศึกษาเป็นกระทรวงทีได้งบประมาณสูง
เป็นอันดับต้นๆเสมอ คือ 300,000 ล้านบาทต่อปี
แต่ไใ้ว่าผ่านมากี่ปีก็ไม่สร้างการศึกษาที่ดีกว่าเดิมได้
เพราะงบเกือบ 90% คืองบบุคลากร ปัญหาคือถ้า
เจ้ากระทรวงไร้ความสามารถ ไม่เข้าใจปัญหา
และไม่ฟังเสียงเด็กๆ บวกกับการจัดงบแบบเดิมๆ
ไม่มีกระบวนการคิดหรือแก้ที่ระบบ
อีกสี่ปีข้างหน้า เราก็ย้ำอยู่ที่เดิมตรงนี้แหละ

3)รมต.บางคน ตลอดเวลาสามวัน ไม่แม้แต่มา
ปรากฏตัวต่อสภาด้วยซ้ำ มันดูไร้ความรับผิดชอบดี
ไม่มา ไม่ตอบ ไม่รู้ได้ฟังด้วยหรือป่าว
ความรับผิดรับชอบอยู่ที่ไหน

4)คนที่อยู่ในสภาและนั่งฟังมากที่สุดคือ คุณธรรมนัส
รองลงมาคือคุณจุลพันธ์ และคุณชลน่าน จะตอบดี
หรือไม่ดียังไง เรายังเคารพในฐานะที่ท่านเหล้านี้
มรความรับผิดชอบต่อสภา

5)ฟังดูก็รู้ ว่าใครตั้งใจเตรียมตัว ใครแค่อ่านตามสคริป
แบบตามสั่ง ดีไม่ดียังไง ประชาชนก็คงจะเป็นผู้ตัดสิน
แต่ในความเห็นเราบางที่ก็ดูถูกประชาชนเกินไปหน่อย

6)ประชาชนให้ความสนใจการอภิปรายงบ
มากกว่าที่คิด ซึ่งเป็นเรื่องดีมากๆ ต่อไปนี้ทุกพรรค
อาจจะยกระดับมาตรฐานการอภิปรายขึ้น
เพราะประชาชนเริ่มจับตาใกล้ชิด

7)การพิสูจน์ว่าข้อมูลที่ นำมาอภิปราย
ไม่ถูกต้องหรือคลาดเคลื่อน หลายๆคนจินตนาการ
ว่าจะเป็นการควักข้อมูลออกมากางแล้ววัดกัน
แต่ รมต ใช้แค่น้ำลาย

8)ไม่แน่ใจว่าที่นายกไม่ตอบ เป็นเพราะไม่เข้าใจ
วิธีการทำงบประมาณของระบบราชการหรือป่าว

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: