ปดิพัทธ์ เผย หมูเถื่อนเข้ามา มีการใช้สารเร่งเนื้อแดง และหมูติดโรคระบาด โดยมีบุคคลระดับรัฐมนตรีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ชี้ ไม่ใช่มีแค่ 161 ตู้ แต่มีหลายพันตู้
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ยื่นหนังสือและให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปกปิดเชื้อโรคระบาดอหิวาต์ในสุกร หรือ ASF ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี 2564 ในรัฐบาลสมัยที่แล้ว เพื่อเป็นการสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนในประเทศไทย โดยมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นตัวแทนรับหนังสือ
นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า หมูเถื่อนที่ทางกรมศุลกากรอายัดไว้ทั้งหมด 161 ตู้ ที่ท่าเรือแหลมฉบังในขณะนี้ไม่ใช่จำนวนทั้งหมดที่นำเข้า ซึ่งคาดว่าน่าจะมีมากกว่านี้อีกหลายพันตู้ เรื่องนี้ไม่ได้เพิ่งจะเกิดขึ้น แต่มีความพยายามที่จะนำเข้ามาเรื่อยๆ ประเด็นสำคัญ คือรัฐบาลชุดที่แล้ว ได้ปกปิดข้อมูลโรคระบาด AFS ที่ทำให้ปริมาณหมูในประเทศไทยหายไปจำนวนมาก ทำให้เขียงหมูต่างๆ ปริมาณหมูขาดตลาด แต่ในห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่กลับมีหมูขายตามปกติ ขณะเดียวกันยังพบว่าบริษัทส่งออกรายใหญ่มีการส่งออกเนื้อหมูในปริมาณเพิ่มขึ้นถึง 400% เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ ปี 64-65 ซึ่งเกี่ยวพันกับการนำเข้าหมูเถื่อน
พร้อมกันนี้ ตั้งข้อสังเกตว่าเกษตรกรยังถูกผู้ค้ารายใหญ่ตัดราคาขายหมูในราคาที่ต่ำกว่า เมื่อเกษตรกรรายย่อยขายหมูออกไปแล้ว เมื่อต้องการจะกลับมาฟื้นการทำฟาร์มใหม่ แต่ปรากฏว่าราคาหมูหน้าฟาร์มถูกกว่า 2-3 เท่า ซึ่งเรื่องนี้ตนตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นกลไกการทำลายวงการปศุสัตว์หรือไม่
ก่อนหน้านี้เคยยื่นเรื่องดังกล่าวต่อ ป.ป.ช. ไปแล้ว ส่วนการเดินทางมายื่นดีเอสไอในวันนี้ เป็นข้อมูลเพื่อให้ดีเอสไอนำไปสืบค้นข้อมูลต่อไป เพื่อดำเนินการล้างบางหมูเถื่อนได้สำเร็จ ไม่ใช่เพียงแค่สุ่มจับบางตู้เท่านั้น สำหรับเอกสารที่นำมายื่นในวันนี้ เป็นเอกสารเดียวกันกับที่ตนเคยใช้อภิปรายในสภา ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อการทำงานของดีเอสไอ
“เรื่องที่ผมมายื่นวันนี้ มีความเชื่อมโยงกับข้อมูลของดีเอสไอเกี่ยวกับเรื่องหมูเถื่อน เพราะมีจุดตัดร่วมกัน ในการพยายามนำหมูเถื่อนเข้ามา มีการใช้สารเร่งเนื้อแดง และหมูติดโรคระบาด โดยมีบุคคลระดับรัฐมนตรีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย” นายปดิพัทธ์ กล่าว